ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมไทย สู่หลักชัยแห่งสิทธิ LGBTQ ในเอเชียอาคเนย์

แฮร์รี่ เพิร์ล
2023.12.18
สิงคโปร์
ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมไทย สู่หลักชัยแห่งสิทธิ LGBTQ ในเอเชียอาคเนย์ ผู้ประท้วงชูป้ายสนับสนุนการสมรสของคนเพศเดียวกัน ระหว่างงานสมรสหมู่ ในวันวาเลนไทน์ ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565
แจ็ค เทย์เลอร์/เอเอฟพี

ประเทศไทยอาจขึ้นชื่อเรื่องการเป็นสวรรค์ของกลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) แต่ความเป็นจริงสำหรับคู่รัก LGBTQ นั้นอาจไม่ตรงไปตรงมาตามชื่อมากนัก

ผู้สื่อข่าวของเบนาร์นิวส์ พูดคุยกับ อรวรรณ จิตราม หรือเค้ก (นามสมมติ) ชายข้ามเพศที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ถึงประเด็นนี้

เค้กในวัย 31 ปี ผู้อดทนอดกลั้นต่อการถูกดูหมิ่นและการแปลกแยกมานานหลายปี เพราะเป็น “ทอม” (ศัพท์สแลงในภาษาไทยที่ใช้เรียกบุคคลเพศกำเนิดหญิงที่แสดงอัตลักษณ์ทางเพศชาย) ความสัมพันธ์ระหว่างเค้กกับครอบครัวแฟนสาวคนก่อนของเขานั้นเป็นไปอย่างตึงเครียด

“ครอบครัวของแฟนเก่า ‘ต่อต้าน เรา” เค้กให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์

“ครอบครัวเขาคิดว่าไม่มีความมั่นคง ความมั่นคงทางกฎหมายด้วย และคงมองว่าลูกสาวเขาควรคบกับใครสักคนที่ให้ความมั่นคงเรื่องนี้กับเขาได้”

การที่กฎหมายไทยไม่รับรองสิทธิในการสมรสระหว่างเพศเดียวกันทำให้กลุ่มคนรักเพศเดียวกันและกลุ่มคนที่มีความสัมพันธ์แบบไม่เป็นไปตามขนบต้องเผชิญกับข้อเสียเปรียบทางกฎหมายจำนวนมากเมื่อเทียบกับกลุ่มคนรักต่างเพศ กลุ่ม LGBTQ ในไทยไม่มีสิทธิในการขอรับบุตรบุญธรรม ไม่มีสิทธิในการลงนามยินยอมให้รักษาพยาบาลอีกฝ่ายในกรณีฉุกเฉิน และไม่มีสิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการอื่น ๆ ในฐานะคู่สมรส นับตั้งแต่การลดหย่อนภาษีไปจนถึงการรับเงินบำนาญจากรัฐ

“อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คนในสังคมไม่ยอมรับคู่รักที่เป็น LGBTQ ไม่ใช่แค่เรื่องไบแอสทางเพศ แต่อาจจะเป็นกฎหมายไม่ยอมรับ” เค้ก ผู้ประกอบอาชีพคอนเทนต์ครีเอเตอร์อิสระ (นักสร้างสรรค์และผลิตเนื้อหาบนสื่อ) กล่าว

แต่สิ่งเหล่านั้นอาจเปลี่ยนแปลงในไม่ช้า เพราะเมื่อเดือนที่แล้ว คณะรัฐมนตรีนำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สมรสเท่าเทียม) ที่กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้เสนอ โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เตรียมผลักดันร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมให้เข้าสู่กระบวนการอภิปรายในสภาให้ทันสมัยประชุมสภาครั้งใหม่ที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนธันวาคมนี้

หากร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของสภาและมีผลบังคับใช้ ไทยจะเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม และเป็นประเทศที่สามในทวีปเอเชีย รองจากไต้หวันและเนปาลที่กฎหมายรับรองสิทธิการสมรสระหว่างเพศเดียวกัน

ร่างกฎหมายดังกล่าวที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเป็นการแก้ไขคำระบุเพศในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448 เช่น การเปลี่ยนคำว่า “สามี” และ “ภริยา” มาใช้คำว่า “คู่สมรส” แทน เป็นต้น

กลุ่มสนับสนุนสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าการเปลี่ยนคำที่ใช้ในประมวลกฎหมายดังกล่าวจะปลดล็อกการเข้าถึงสิทธิต่าง ๆ ทางกฎหมายให้กับกลุ่มคนรักเพศเดียวกันและคู่รักที่ไม่เป็นไปตามขนบของไทย นอกจากนี้ การแก้ไขกฎหมายจะช่วยสะท้อนบรรทัดฐานของสังคมซึ่งเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อยกย่องสังคมไทยที่มีทัศคติอันเปิดกว้างอย่างมากต่อกลุ่ม LGBTQ

“ระดับความอดทนอดกลั้นในสังคมไทยมีค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ” มุกดาภา ยั่งยืนภราดร เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนประจำประเทศไทย ฟอร์ตี้ฟายไรต์ ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์ “ก็แค่ต้องแก้กฎหมายให้ทันกับทัศนคติของคนในสังคม”

231218-TH-equality-2.jpg

หญิงสาวจุมพิตกัน ขณะถือโปสเตอร์สนับสนุนการสมรสเท่าเทียม ในงานสมรสหมู่ท่ามกลางขบวนพาเหรด ที่กรุงเทพฯ วันที่ 4 มิถุนายน 2566 (ศักดิ์ชัย ลลิต/เอพี)

ในทางการเมือง ประเทศไทยถือว่าเป็นสังคมอนุรักษ์นิยม เพราะคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ แต่ขณะเดียวกัน ไทยกลับเป็นหนึ่งในประเทศที่ชุมชน LGBTQ เปิดเผยตัวตนจนเป็นที่รับรู้มากที่สุดในทวีปเอเชีย

ในแต่ละปี คนไทยหลายพันคนออกมาเฉลิมฉลอง Pride Month หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ อีกทั้งซีรีส์วายหรือละครที่มีตัวละครหลักเป็นคู่รักชาย-ชาย กลายเป็นสินค้าส่งออกของไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

ขณะเดียวกัน หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของไทยได้ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศว่าที่นี่เปิดกว้างต่อกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQ

ผลสำรวจล่าสุดโดยสำนักวิจัยพิว (Pew Research Center) ของสหรัฐอเมริกาพบว่าประชากรวัยผู้ใหญ่ร้อยละ 60 ในไทยสนับสนุนสมรสเท่าเทียม ซึ่งเมื่อเทียบเฉพาะในทวีปเอเชียถือว่าผู้สนับสนุนการสมรสเท่าเทียมในไทยยังคงตามหลังญี่ปุ่น (ร้อยละ 68) และเวียดนาม (ร้อยละ 65)

ผศ.ติณณภพจ์ สินสมบูรณ์ทอง อาจารย์ประจำสาขาสังคมวิทยา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่ม LGBTQ ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในด้านการทำงานและการสาธารณสุข

“น่าเศร้าที่ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ ในระดับรัฐบาล ชุมชน LGBTQ และการใช้ชีวิตของกลุ่ม LGBTQ ในไทยถูกใช้เป็นสินค้าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เป็น LGBTQ ให้เข้ามาเที่ยวในประเทศ” ผศ.ติณณภพจ์ กล่าว โดยในประเด็นนี้ เขาระบุเพิ่มเติมว่ากลุ่ม LGBTQ ไม่ถูกมองว่าเป็น “มนุษย์ที่มีคุณค่าซึ่งสมควรได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานที่เท่าเทียมกับกลุ่มคนรักต่างเพศ”

ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมฉบับก่อนหน้าเสนอโดย สส. พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ได้รับการเห็นชอบจากสภาจนผ่านเข้าสู่การอภิปรายในวาระที่ 2 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่สามารถผ่านสภาไปถึงวาระต่อไปได้เพราะเหตุล่าช้าทางกฎหมายหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงหลังจากการยุบสภาเมื่อเดือนมีนาคมต่อเนื่องจนถึงการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้

231218-TH-equality-3.jpg

นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ สส. พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ท่าก่อนการลงคะแนนเสียงในรัฐสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในกรุงเทพฯ วันที่ 5 มิถุนายน 2562 (ลิเลียน สุวรรณรัมภา/เอเอฟพี)

ผู้สนับสนุนร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมยังคงมีความหวังว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะมีความคืบหน้าในการประชุมสภาสมัยปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนายกรัฐมนตรีเศรษฐาให้การสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้

“ผมให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศมาโดยตลอด เพราะผมเชื่อว่าทุกคนควรได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกันไม่ว่าเขาจะอยู่ในเพศสภาพใดครับ” นายเศรษฐาโพสต์ข้อความบน X หรือทวิตเตอร์ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

นายเศรษฐายังระบุเพิ่มเติมว่ารัฐบาลจะเดินหน้าสนับสนุนให้กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Pride 2028

อย่างไรก็ตาม แรงต่อต้านจากกลุ่มศาสนาและสมาชิกรัฐสภาฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งรวมถึงกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารน่าจะเป็นอุปสรรคในการผลักดันร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม

พรรคประชาชาติซึ่งได้รับคะแนนนิยมในกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลามในสามจังหวัดชายแดนใต้ระบุว่าพวกเขาจะโหวตไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว

“ขอยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นความเห็นร่วมของทุกพรรค” กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ โฆษกพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์

“ถึงแม้เราเป็นพรรคร่วม เราก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ เพราะเรายึดมั่นมาตลอด และเป็นจุดยืนของพรรค ซึ่งเราจะสนับสนุนกฎหมายที่ไม่ขัดต่อหลักการศาสนาอิสลาม”

หากร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านสภาและบังคับใช้เป็นกฎหมาย กฎหมายดังกล่าวอาจถูกส่งต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเป็นอีกหนึ่งสถาบันที่มีความเป็นอนุรักษ์นิยม

ช่วงปี 2563-2564 นักเคลื่อนไหวกลุ่ม LGBTQ มีบทบาทสำคัญในการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย พวกเขาเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ลาออกจากตำแหน่ง และเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิในการสมรสของกลุ่ม LGBTQ ถูกมองว่าเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สามารถแยกออกจากขบวนการการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

เค้ก ชายข้ามเพศวัย 31 ปี ระบุว่าการให้สิทธิสมรสอย่างเท่าเทียมอาจส่งผลให้ทัศนคติของคนไทยเปลี่ยนแปลงไป และถึงแม้ว่าเค้กกับคนรักจะไม่จำเป็นต้องรีบแต่งงานหากกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่าน แต่พวกเขาก็รู้สึกยินดีที่จะมีสิทธิสมรสได้อย่างเท่าเทียม

“มันเป็นเรื่องเชิงรูปธรรมที่มันสามารถจับต้องได้ ในขณะที่คู่สามีภรรยาปกติ หรือที่สามารถจดทะเบียนได้ มันได้สิทธิ์อะไรบ้าง” เค้ก กล่าว

“ในอีกแง่หนึ่งซึ่งเป็นนามธรรมที่มองไม่เห็น มันคือสิทธิที่เท่ากัน”

มารียัม อัฮหมัด ในปัตตานี ร่วมรายงาน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง