อัยการส่งฟ้องนักกิจกรรมชุดมลายู 9 คน ข้อหายุยงปลุกปั่น

มารียัม อัฮหมัด และ นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2025.01.23
ปัตตานี และ กรุงเทพฯ
อัยการส่งฟ้องนักกิจกรรมชุดมลายู 9 คน ข้อหายุยงปลุกปั่น กลุ่มเยาวชน และภาคประชาสังคม เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมชูป้ายข้อความเพื่อแสดงอัตลักษณ์ของชาวมลายู ที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี วันที่ 23 มกราคม 2567
อารีฟีน แปเฮาะอีเล/เบนาร์นิวส์

อัยการมีความเห็นในวันพฤหัสบดีนี้ ให้ส่งฟ้องนักกิจกรรม 9 คน ต่อศาล ในข้อหายุยงปลุกปั่น และฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ จากการร่วมกิจกรรมแต่งชุดพื้นเมืองมลายู “Perhimpunan Malays RAYA 2022” ณ หาดวาสุกรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2565 ด้านผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ ก่อนที่ศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นศาล

นายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเต๊ะ ทนายความของมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม เดินทางมายังศาลจังหวัดปัตตานี พร้อมกับผู้ต้องหาทั้ง 9 คน เพื่อร่วมกระบวนการที่อัยการจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดฟ้องต่อศาล 

“ศาลจังหวัดปัตตานีได้รับฟ้อง ตามที่อัยการจังหวัดปัตตานีมีคำสั่งฟ้อง ในข้อหาร่วมกันยุยงปลุกปั่นก่อความไม่สงบ ตามมาตรา 116 และไม่ได้รับอนุญาตให้จัดงาน ตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ จากสถานการณ์โควิด ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ให้การปฏิเสธ” นายอับดุลกอฮาร์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

“จำเลยได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา และได้ยื่นต่อศาลเพื่อประกันตัวสู้คดี โดยศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวทั้ง 9 ราย โดยได้วางเงินประกันรายละ 7 หมื่นบาท” ทนายความ กล่าวเพิ่มเติม

ผู้ต้องหาทั้ง 9 คน แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองมลายู เดินทางมาเข้าสู่กระบวนการตามนัดของอัยการ ท่ามกลางการสังเกตการณ์ของประชาชน นักสิทธิมนุษยชน และสื่อมวลชน หลายสิบชีวิต 

นายฮาซัน ยามาดีบุ หนึ่งในผู้ต้องหา ระบุว่า คดีนี้อาจเป็นฝ่ายรัฐเสียเองที่ทำหน้าที่ล้ำหน้าศาล พยายามชี้นำว่า ผู้ต้องหากระทำผิด ซึ่งสร้างความกระอักกระอ่วนให้กับสังคม

“ผมและพวกเราทั้งหมดไม่ได้หวาดกลัว ตราบใดที่กระบวนการยุติธรรมมันทำหน้าที่ของมัน แต่ถ้าหากมันเป็นเหมือนเช่นอดีต ที่บรรพบุรุษของเราในปาตานีแห่งนี้ ต่อสู้เพื่อดำรงอัตลักษณ์ ดำรงความเป็นมนุษย์ ความเป็นพลเมืองที่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย” นายฮาซัน กล่าว

นายฮาซัน ระบุว่า นักกิจกรรมทั้ง 9 คน นี้จะเป็นตัวแทนของคนเชื้อสายมลายูอีกกว่า 2 ล้านคน ในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ยืนหยัดเพื่อแสดงอัตลักษณ์ของตนเอง

“ผมคาดหวังอย่างยิ่งว่า คดีนี้จะเป็นคดีสุดท้ายที่รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงจะตระหนัก และทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันยิ่งทำให้สถานการณ์มันเลวร้ายลง เหตุการณ์ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ถามหน่อยเถอะว่า ท่านอยากเห็นความไม่สงบบังเกิดอยู่อย่างนี้เรื่อย ๆ หรืออย่างไร พวกเราโหยหาสันติภาพตามกระบวนการยุติธรรมตามกระบวนการประชาธิปไตย” นายฮาซัน กล่าวเพิ่มเติม

คดีนี้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมแต่งชุดพื้นเมืองมลายู “Perhimpunan Malays RAYA 2022” ณ หาดวาสุกรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2565 ซึ่งฝ่ายความมั่นคงอ้างว่า มีการปราศรัยที่เข้าข่ายยุยงปลุกปั่น รวมทั้งมีการโบกธงขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani-BRN) 

ให้หลังร่วม 2 ปี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ส่งตัวแทนไปฟ้องร้องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ให้ดำเนินคดีกับนักกิจกรรมที่เชื่อว่า ร่วมจัดกิจกรรมดังกล่าว 

ในเดือน ม.ค. 2567 นักกิจกรรม 9 คน คือ 1. นายซัมบรี ตาลี 2. นายอานัส ดือเระ 3. นายฮาซัน ยามาดีบุ 4. นายมาหมูด 5. นายซาลา ฮูดิน ม 6. นายมูฮัมหมัดอาลาดี เด็งนิ 7. นายซูกิฟลี หรือ ลีบูดู กาแม นาย 8. นายสอบูรี สาอิ และ 9. นายมะยุ เจ๊ะนะ ถูกเชิญไปรับทราบข้อกล่าวหา 

ปลายเดือน ม.ค. 2567 นักกิจกรรมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เข้าพบกับตัวแทนสหประชาชาติ (United Nations - UN) ประจำประเทศไทย และ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดดำเนินคดีกับนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวโดยสันติ

กอ.รมน. ร้องอย่าบิดเบือน

น.ส. พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ชี้ว่า สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงน่าเป็นห่วง แม้จะมีการเปลี่ยนจากรัฐบาลทหารเป็นรัฐบาลพลเรือนในปัจจุบัน

“รัฐบาลควรยุติการฟ้องร้องประชาชน การแสดงออกทางสิทธิเสรีภาพโดยสันติ ซึ่งได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญ ไม่ควรถูกขัดขวาง เพราะมันคือการทำลายกระบวนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนใต้โดยสันติวิธี” น.ส. พรเพ็ญ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

Melayu-activist-1.JPG
นักกิจกรรมมลายูทั้ง 9 คน แต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง เพื่อเข้าพบกับอัยการที่ศาลจังหวัดปัตตานี ท่ามกลางประชาชนที่มารอให้กำลังใจหลายสิบคน ที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี วันที่ 23 มกราคม 2567 (อารีฟีน แปเฮาะอีเล/เบนาร์นิวส์)

ด้าน กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ชี้แจงเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า พยายามส่งเสริมอัตลักษณ์ของประชาชนในพื้นที่ แต่การฟ้องร้องในคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งกายชุดมลายู 

“แนวร่วมกลุ่มแกนนำของผู้จัดกิจกรรมพยายามชี้นำบิดเบือนว่า กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ดำเนินการฟ้องแกนนำทั้ง 9 ราย ในข้อหาจัดกิจกรรมสวมชุดมลายู รวมถึงการแสดงออกผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่สาธารณะของประชาชนในพื้นที่นั้น ข้อความดังกล่าวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด” แถลงของ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุ

อย่างไรก็ดี มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา มีนักกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างน้อย 40 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีอาญา ขณะเดียวกันในบางคดี ผู้ฟ้องคือ พล.ท. ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 เอง

“คดีดังกล่าวเป็นคดียุยงปลุกปั่น ที่มีรายละเอียดการปฏิบัติในกิจกรรมอาจผิดต่อกฎหมาย ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามที่สื่อสังคมออนไลน์บางสื่อบิดเบือนให้เป็นคดีในลักษณะอื่น ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณเปรียบเทียบข้อมูลข่าวสารก่อนตัดสินใจเชื่อในข้อมูลข่าวสาร” กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า แถลง

ตลอดช่วงปี 2548-2567 รัฐบาลใช้เงินในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ร่วม 5 แสนล้านบาท ขณะที่การพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2556 เป็นการเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทย กับกลุ่มมาราปาตานี แต่การพูดคุยฯ ดังกล่าวขาดช่วง ก่อนจะกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2563 โดยตัวแทนรัฐบาลไทยเปลี่ยนมาเจรจากับตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็น และมีการพูดคุยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ขณะที่ นายอับดุลเราะมัน มอลอ โฆษกกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า พ.ต.อ. ทวี ได้ขอความเป็นธรรมต่ออัยการ โดยขอให้พิจารณาคดีนี้อย่างรอบคอบ

“กรณีนี้เป็นเรื่องความละเอียดอ่อนที่กระทบถึงความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ และประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างหลากหลาย จึงขอส่งเรื่องการขอความเป็นธรรมดังกล่าวมายังอัยการสูงสุด เพื่อโปรดพิจารณาในการดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบ และคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้” นายอับดุลเราะมัน กล่าว

ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2547-2567 มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นกว่า 22,000 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตกว่า 7,500 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 14,000 ราย โดยนับตั้งแต่ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ยังไม่มีการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นอีก 

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง