ผู้ลี้ภัยซ่อนตัวในประเทศตนเอง จากกองทหารเผด็จการเมียนมา

คะเรนนีพลัดถิ่นกว่า 100 ชีวิต อาศัยในพื้นที่ที่ไม่มีน้ำประปา ไฟฟ้า
ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์
2024.08.12
ชายแดนไทย-เมียนมา
ผู้ลี้ภัยซ่อนตัวในประเทศตนเอง จากกองทหารเผด็จการเมียนมา สองพี่น้องคุยเล่นระหว่างกินข้าว ซึ่งกับข้าวส่วนใหญ่มักเป็นพืชผักต่าง ๆ ภาพกลางปี 2567
ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์/เบนาร์นิวส์

ลูกปืน ระเบิด เปลวไฟ และความตาย วนเวียนเข้ามาเคาะประตูบ้านในแคมป์ผู้ลี้ภัยของ ลี (สงวนนามสกุลเพื่อความปลอดภัย) เกือบทุกวัน บางครั้งเขาอาจจะรู้ล่วงหน้า แต่หลายครั้งมันก็มาแบบไม่ได้แจ้ง มาหาแบบไม่ได้รับเชิญ

“เสียงระเบิดดังขึ้นใกล้ ๆ แคมป์ในกลางดึกคืนหนึ่ง พร้อมกับเสียงเครื่องบินรบ พ่อกับแม่รีบปลุกผมให้ตื่น แล้วเราทั้งหมดก็รีบวิ่งเข้าไปหลบในคูน้ำหน้าบ้าน พอสถานการณ์ปกติเราถึงขึ้นจากคูน้ำ เราเลยรู้ว่า ระเบิดตกใกล้ ๆ อาคารอเนกประสงค์ ทำให้ผนังอาคารเสียหายไปพอสมควร ที่เศร้ากว่านั้นคือ คืนนั้นมีคนตายด้วย” ลี เล่าเหตุการณ์ในความทรงจำให้ฟัง

ลี หนุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงแดง ในวัย 18 ปี กลายเป็นผู้ลี้ภัยในแคมป์แห่งหนึ่งของรัฐคะเรนนี หลังจากที่กองทัพเมียนมาทำรัฐประหารยึดอำนาจจาก นายวิน มินต์ ประธานาธิบดี และนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ส่งผลให้ประชาชนชาวเมียนมา และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างลุกขึ้นต่อต้านจนกลายเป็นการสู้รบต่อเนื่องยาวนานจนถึงปัจจุบัน

เขาเป็นหนึ่งในผู้พลัดถิ่นในประเทศ (Internally Displaced People - IDP) กว่าหนึ่งล้านคนบนแผ่นดินเมียนมา เขาต้องอาศัยอยู่ในบ้านไม้ไผ่ที่มุงด้วยหญ้าคาที่พ่อของเขาเป็นคนสร้างเอง ที่แคมป์ไม่มีน้ำประปาและไฟฟ้า 

“ทุกเช้าเราต้องเดินเท้าไปอาบน้ำ และรองน้ำใช้ที่บ่อน้ำของแคมป์ พอถึงเย็นวันศุกร์ เราก็ต้องเดินเท้าประมาณ 4 ชั่วโมง ไปที่แคมป์อีกแห่งติดชายแดนไทย เพื่อชาร์จแบตเตอรี่อุปกรณ์ทุกอย่าง สำหรับกลับมาใช้ตลอดสัปดาห์” ลี อธิบายชีวิตที่ไม่ปกติสุขนัก

แคมป์ผู้ลี้ภัยแห่งนี้ (สงวนที่ตั้งเพื่อความปลอดภัย) เป็นที่ตั้งของบ้านผู้ลี้ภัยชั่วคราวกว่า 100 ชีวิต หลายสิบหลัง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมียนมา ไม่ห่างจากชายแดนไทย

มีคลีนิกหนึ่งแห่งที่รักษาคนตั้งแต่มีดบาด ฝากครรภ์ ไปจนถึงโดนระเบิด แม้จะไม่ได้ครบสมบูรณ์ในเรื่องของอุปโภค-บริโภค แต่ก็ยังมีโรงเรียนให้เด็กโต รวมถึงลี ได้เพิ่มเติมความรู้แบบที่พวกเขาควรจะได้รับ

โรงเรียนแห่งเดียวของแคมป์ตั้งอยู่บนเนินเขา มีอาคารไม้ไผ่มุงสังกะสีเป็นห้องเรียน คนสอนหนังสือนอกจากเป็นครูแล้ว ก็ยังมีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยเช่นเดียวกับนักเรียน

ครูของโรงเรียนได้รับเงินเดือนเพียงเดือนละ 1,500 บาท อุปกรณ์การเรียนเกือบทั้งหมดเป็นของที่ได้รับการสนับสนุนมาจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรนอกประเทศ

“ผมอยากเรียนมหาวิทยาลัย อยากให้มีประเทศที่ปลอดภัยต้อนรับผมกับครอบครัว ประเทศไหนสักประเทศที่พร้อมรับผู้ลี้ภัยอย่างเรา” ลี เล่าความฝันของตัวเอง

ไม่นานหลังจากที่เบนาร์นิวส์ได้พบกับลี ฝันของลีกลายเป็นจริง เมื่อเขาและครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ในประเทศใหม่ ลีกำลังจะมีโอกาสเรียนหนังสืออย่างที่เขาใฝ่ฝัน 

บ้านที่พ่อของลีสร้างเอาไว้มีคนเข้ามาอยู่แทน เขาคนนั้นเป็นเด็กหนุ่มชาวกะเหรี่ยง จากรัฐคะเรนนีเหมือนกับลี แม่ของเขาเสียชีวิตจากสงครามภายในประเทศ ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมีเพียงเสียงเพลงและกีต้าร์โปร่งเป็นเพื่อน 

ชีวิตในแต่ละวันที่แคมป์แห่งนี้ของเขาจึงแทบไม่ต่างจากลี ตื่นเช้ามากินอาหาร เดินเท้าไปเรียน กลับมาทำอาหารเย็นกิน

เขาเองก็ฝันถึงชีวิตสงบสุขเหมือนกับลี ต่างเพียงแค่เขายังมองไม่เห็นว่า ความฝันหรืออนาคตของเขาอยู่ตรงไหน

2Karenni.JPG
เด็กเล็กที่ยังไม่ถึงวัยเข้าเรียน พากันวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ภายในแคมป์ ภาพช่วงกลางปี 2567 (ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์/เบนาร์นิวส์)

3karenni.JPG
ทุกเช้า ชาวบ้านในแคมป์ต้องเดินไปรองน้ำและขนน้ำกลับมา จากบ่อน้ำของแคมป์ เพื่อนำน้ำมาใช้ภายในบ้าน เนื่องจากไม่มีน้ำประปา ภาพกลางปี 2567 (ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์/เบนาร์นิวส์)

4karenni.JPG
เด็กนักเรียนเดินเรียงแถวเป็นขบวนกลับบ้านไปกินข้าวเที่ยง และต้องเดินกลับมาเข้าเรียนอีก ก่อนหมดเวลาพัก ภาพกลางปี 2567 (ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์/เบนาร์นิวส์)

5karenni.JPG
เด็กสาวคะเรนนีส่วนใหญ่สวมใส่ผ้าซิ่น นั่งเรียนอยู่ภายในโรงเรียนเพียงแห่งเดียวในแคมป์ ภาพกลางปี 2567 (ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์/เบนาร์นิวส์)

6karenni.JPG
ผู้คนรวมกลุ่มพากันเดินมาอาบน้ำที่บ่ออาบน้ำภายในแคมป์ ทั้งช่วงเช้าและเย็น เนื่องจากไม่มีน้ำประปาใช้ การขนน้ำแต่ละวันมีไว้สำหรับบริโภคเท่านั้น ภาพกลางปี 2567 (ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์/เบนาร์นิวส์)

7karenni.JPG
การเล่นกีต้าร์เป็นหนึ่งในสันทนาการยอดฮิตของที่นี่ เพียงไม่กี่อย่างที่สามารถทำได้ ภาพกลางปี 2567 (ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์/เบนาร์นิวส์)

8karenni.JPG
หญิงสาวมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่แขน เธอไม่ยอมเล่าว่าเกิดจากอะไร แต่ได้มาขอความช่วยเหลือที่คลินิกเพราะไม่สบาย กลางปี 2567 (ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์/เบนาร์นิวส์)

    9karenni.JPG
    ผู้ชายในแคมป์รวมตัวเป็นทีมเล่นวอลเลย์บอลในช่วงเย็นของทุกวัน ภาพกลางปี 2567 (ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์/เบนาร์นิวส์)

    10karenni.JPG
    แคมป์นี้ซ่อนตัวอยู่ระหว่างหุบเขา เพื่อหลบซ่อนจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัฐบาลเมียนมา ภาพกลางปี 2567 (ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์/เบนาร์นิวส์)

    ช่องแสดงความคิดเห็น

    แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง