ตำรวจจับนายทุนจีน หัวหน้าเครือข่ายสแกมเมอร์ในเมียนมา
2022.10.31
กรุงเทพฯ
ในวันจันทร์นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง แถลงข่าวการจับกุมตัวนายหวง เทียนหยง นักธุรกิจมืดชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ได้ที่สนามมวยลุมพินี ซึ่งผู้ต้องหาเป็นหัวหน้าเครือข่ายขบวนการหลอกลวงคนไทยไปทำงานเป็นสแกมเมอร์ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา
พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นี้ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายหวง เทียนหลง อายุ 33 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1112/2564 ได้ที่สนามมวยลุมพินี ย่านรามอินทรา กรุงเทพฯ หลังสืบทราบว่าได้เดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อทำธุรกิจฟอกเงินเมื่อเดือนพฤษภาคมนี้ ล่าสุด ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวและส่งเข้าเรือนจำทันที
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า แก๊งของนายหวงได้ประกาศทางอินเทอร์เน็ตรับแรงงานให้ไปทำงานในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก แต่กลับบังคับให้ข้ามแม่น้ำเมย ไปยังบริษัท JinXin Holdings จำกัด อยู่ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยให้พูดหลอกลวงคนให้มาลงทุนทำธุรกิจเงินบิทคอยน์ แต่มีคนไทย 7 คน ที่ไถ่ตัวเองออกกลับมา แจ้งความดำเนินคดี
“คดีนี้เราทำมาตั้งแต่ปี 2564 ได้สืบสวนสอบสวนจนออกหมายจับไปทั้งหมด 19 คน มีทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ ตอนนี้จับไปแล้ว 7 คน รวมผู้ต้องหารายนี้ก็เป็นคนที่ 8 ยังเหลืออีก 11 คน สำหรับคนที่จับได้คนนี้ผู้เสียหายได้ยืนยันว่าเป็นนายทุนของประเทศจีน เป็นหัวหน้ากลุ่มสแกมเมอร์ที่ไปทำอยู่ที่เมืองเมียวดี ประเทศพม่า” พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช กล่าวระหว่างการแถลงข่าว
“ในเบื้องต้น เขายืนยันว่าตัวเขาชื่อนายหวงจริง ตามพาสปอร์ต ตามหมายจับ สำหรับเรื่องคดีเขาขอปฏิเสธและขอสู้คดี” พล.ต.ท. จิรภพ กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ด้าน พ.ต.อ. แมน เม่นแย้ม รักษาราชการผู้กำกับการกองกำกับการ 4 กองบังคับการปรามปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งร่วมแถลงข่าว ระบุว่า นายหวงถูกตั้งข้อหา “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ และ ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกองค์อาชญากรรม กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานฯ”
พ.ต.อ. แมน กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า ในหมายจับ 19 หมาย เป็นคนจีน 3 ราย คนมาเลเซีย 1 ราย คนฟิลิปปินส์ 1 ราย คนพม่า 3 ราย คนไทย 11 ราย โดยมีนายหวง หรืออาหยง เป็นนายทุนและหัวหน้าขบวนการ ทั้งนี้เครือข่ายคนไทยจะหลอกลวงคนไทย คนมาเลเซียจะหลอกลวงคนมาเลเซีย และคนฟิลิปปินส์ก็ทำในทำนองเดียวกัน โดยมีผู้ถูกหลอกลวงจำนวนหลายร้อยคน ถูกกักในที่พักคนงานหลายแห่ง
พ.ต.อ. แมน กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายหวง มีธุรกิจหลายประเภทในประเทศไทย มีเงินมาลงทุนเยอะ มีการเปิดธุรกิจค่ายมวย เปิดสนามมวยหลายที่ เช่น อาหยงยิมส์
นอกจากนี้ ยังจัดการต่อยมวยตามเวทีต่าง ๆ ในประเทศไทย มีการถ่ายทอดสดไปยังประเทศจีน มีการนำนักมวยจากในค่ายที่ทำอยู่ไปฝึกสอนที่ประเทศจีน รวมไปถึงธุรกิจร้านอาหารรองรับการทำทัวร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนขยายผลธุรกิจต่อไป
ช็อตไฟฟ้า-ทรมาน ใน “ห้องดำ”
พ.ต.อ. แมน กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่แล้ว หากผู้ใดทำยอดเงินจากการหลอกลวงเหยื่อไม่ได้ตามที่กำหนด ก็จะถูกทารุณ
“หากใครไม่ยอมทำงานหรือทำงานไม่ได้ตามยอดจะถูกลงโทษโดยส่งไปขังที่ “ห้องดำ” หรือถูกทำร้ายร่างกายโดยการโกนผม ใช้ไฟฟ้าช็อต ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถขัดขืนได้” พ.ต.อ. แมน กล่าว
พ.ต.อ. แมน กล่าวว่า ผู้เสียหายให้การว่า พวกตนถูกบังคับให้ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด และต้องทำยอดให้ได้ตามที่กำหนด หากคนใดต้องการจะกลับประเทศไทยต้องจ่ายเงินค่าไถ่ตัวจำนวน 50,000 บาท
ทั้งนี้ มีคนไทย 7 คน ที่ญาติไถ่ตัวออกมาได้ และเมื่อเครือข่ายได้รับเงินแล้ว ก็นำตัวผู้เสียหายไปส่งให้ทางการเมียนมาเพื่อผลักดันออกนอกประเทศ
“ผู้เสียหายยืนยันชัดเจนว่านายหวง เป็นนายทุน และเป็นผู้ข่มขู่ผู้เสียหาย และหลังจากผู้เสียหายไถ่ตัวเองแล้ว นายหวงนำตัวผู้เสียหายไปส่งตำรวจพม่า บอกว่าผู้เสียหายเข้าไปเล่นการพนันในบ่อน แล้วไม่มีเงินจ่าย ให้ตำรวจพม่าจับ และตำรวจพม่าเห็นว่าเป็นคนไทยลักลอบเข้าเมือง จึงจับและผลักดันออกนอกประเทศพม่ามาทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก” พ.ต.อ. แมน กล่าว
เมื่อคนไทยกลุ่มนี้เดินทางข้ามพรมแดนกลับมายังประเทศไทยทางจังหวัดตาก เจ้าหน้าที่ทางฝั่งไทยได้ดำเนินคดีตาม พรบ.คนเข้าเมืองฯ ในระหว่างถูกกักตัวได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทีมสหวิชาชีพว่าตนถูกล่อล่วง จึงเข้าร้องเรียนกับกองบังคับการปรามปรามการค้ามนุษย์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มดังกล่าว
“คดีนี้เป็นคดีค้ามนุษย์ข้ามชาติ เป็นเครือข่ายกระบวนการทำผิดระหว่างคนไทย จีน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และพม่า” พ.ต.อ. แมน ระบุ