กองทัพอากาศส่ง เอฟ-16 ลาดตระเวนน่านฟ้า จ.ตาก หลังเครื่องบินเมียนมารุกล้ำ

นนทรัฐ​ ไผ่เจริญ
2022.06.30
กรุงเทพฯ

กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-16 ขึ้นบินลาดตระเวนน่านฟ้าเหนือจังหวัดตาก ใกล้แนวชายแดนไทย-เมียนมา หลังจากพบว่า มีเครื่องบินรบไอพ่นของเมียนมารุกล้ำน่านฟ้าของประเทศไทย และยิงอาวุธโจมตีกองกำลังของชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยง ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยชาวบ้านในพื้นที่กล่าวว่าเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ที่มีเครื่องบินไอพ่นจากเมียนมาบินล้ำฟ้ามาเหนือศีรษะ

เหตุการณ์ดังกล่าว ยังทำให้นักเรียนและประชาชนในพื้นที่อำเภอพบพระต้องลงหลุมหลบภัย ขณะที่ชาวบ้านในอำเภอแม่สอด เปิดเผยว่ารถกระบะถูกสะเก็ดอาวุธหรือกระสุนได้รับความเสียหายอีกด้วย

พล.อ.ต. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.16 น. พบรายงานการล้ำน่านฟ้าไทย ทางกองทัพอากาศจึงได้ส่งเครื่องบินรบ เอฟ-16 ขึ้นลาดตระเวน และหลังจากนี้จะได้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

“กองทัพอากาศได้รายงานการตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บินล้ำแดนบริเวณอำเภอพบพระ จังหวัดตาก โจมตีกองกำลังชนกลุ่มน้อยบริเวณแนวชายแดน และบินล้ำแดนเข้ามายังพื้นที่ประเทศไทย… กองทัพอากาศ จึงได้มีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 หรือ เอฟ-16 จำนวน 2 เครื่อง ขึ้นบินลาดตระเวนรบทางอากาศทันที” พล.อ.ต. ประภาส เปิดเผย

“ได้สั่งการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ ประจำสถานเอกอัครทูต ณ ย่างกุ้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อแจ้งเตือนและหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต” พล.อ.ต. ประภาส ระบุ

เอกสารข่าว ทอ. ยังระบุว่า ตรวจพบเฮลิคอปเตอร์ปฏิบัติภารกิจอยู่ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 5 ไมล์ทะเล แต่มิได้ล้ำแดนมายังพื้นที่ประเทศไทยด้วย

ด้านเจ้าหน้าที่ทหารขององค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง กล่าวกับเรดิโอฟรีเอเชีย ซึ่งเป็นองค์กรต้นสังกัดของเบนาร์นิวส์ว่า กองทัพอากาศเมียนมาได้เปิดฉากโจมตีมากกว่า 10 ครั้ง โดยมีการใช้หัวกระสุนที่บรรจุแก็สพิษ ในระหว่างการสู้รบระหว่างกองกำลังผสมของ KNLA และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People’s Defense Forces – PDF) กับทหารรัฐบาลเมียนมา ที่ค่ายอูเกรคี บ้านอูเกรทะ อ.สุการี จ.เมียวดี ซึ่งเป็นฐานที่มั่นที่สำคัญของกองทัพรัฐบาลเมียนมา

“เครื่องบินบินมา ชาวบ้านแตกตื่นกัน เพราะเสียงดังสั่นสะเทือนเลย เครื่องบินมันบินต่ำ ๆ ผ่านตรงบ้านไป เคยเจอเครื่องบินบินผ่านแบบนี้ครั้งสุดท้าย ปี 32 ต้นกล้วย ต้นมะพร้าวในสวนก็โดนสะเก็ดอาวุธเขา” นางจุฑานันท์ บุญพรวงค์ ชาวอำเภอพบพระ จังหวัดตาก กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ทั้งนี้ การสู้รบของกองทัพรัฐบาลเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยปะทุขึ้่นอีกระลอก ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน โดยมีการโจมตีทางอากาศ จนทำให้มีชาวเมียนมา-กะเหรี่ยงบางส่วน หนีภัยสงครามเข้ามาอยู่ฝั่งไทยแล้วกว่า 200 คน ขณะเดียวกันประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ใกล้บริเวณชายแดนต้องหลบในหลุมหลบภัยในช่วงที่มีการโจมตีทางอากาศ

“วันนี้ เด็กกับชาวบ้านก็ได้เข้ามาหลบในหลุมหลบภัยเพื่อความปลอดภัย แล้วเราก็ให้ผู้ปกครองมารับนักเรียนกลับบ้านจนหมด โรงเรียนเรามีอาคารหลุมหลบภัยที่สร้างเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยคอนกรีต ผอ. อยู่ที่นี่ 23 ปี ได้ใช้หลุมหลบภัย 1-2 ครั้ง ไม่ได้ใช้มา 10 กว่าปีแล้ว เพิ่งได้กลับมาใช้วันนี้” นางอมรรัตน์ พรหมขัติแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก กล่าว

และในวันเดียวกันนี้ นายสายัณห์ วงศ์ใจ ซึ่งอยู่พื้นที่อำเภอแม่สอด ทางตอนเหนือของบ้านวาเล่ย์ เปิดเผยว่า รถยนต์กระบะของตนเองได้รับความเสียหาย หลังจากเห็นเครื่องบินของเมียนมาล้ำเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย

“บ้านผมอยู่ห่างเขตพม่า ประมาณกิโลนึง ตอนประมาณ 11 โมงครึ่ง ผมกำลังซ่อมคอกแพะอยู่ เห็นเครื่องบินบินมาใกล้ ๆ ผมก็ยืนดู มันบินมา 3 รอบ รอบแรกไม่ยิง มายิงรอบสาม มีเสียงดังเหมือนระเบิด พอจะมาเปิดประตูรถ ก็เห็นรอยด้านข้าง มีกระจกแตก” นายสายัณห์ กล่าว

การโจมตีทางอากาศได้เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ สถานีโทรทัศน์เนชั่นและสำนักข่าวบีบีซี สามารถถ่ายวิดีโอเครื่องบินมิก-29 (Mig-29) ล้ำฝั่งไทย และยิงโจมตีกองกำลังกะเหรี่ยงด้วยจรวด และปืนใหญ่อากาศยาน

เมื่อวานนี้ แหล่งข่าวชาวกะเหรี่ยง ให้ข้อมูลกับเบนาร์นิวส์ว่า ในวันพุธที่ผ่านมา กองกำลังผสมฝ่ายกะเหรี่ยง พยายามโจมตีอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะยึดค่ายอูเกรคี บ้านอูเกรทะ อ.สุการี จ.เมียวดี ซึ่งเป็นฐานที่มั่นที่สำคัญของกองทัพรัฐบาลเมียนมา ขณะที่ทหารเมียนมาได้ส่งเครื่องบินรบ 2 ลำ เข้าไปโจมตีทางอากาศบริเวณรอบ ๆ ค่ายอูเกรคี และส่งเฮลิคอปเตอร์นำอาวุธยุทโธปกรณ์ และเสบียงอาหารไปส่งให้ทหารเมียนมา ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์ อ.พบพระ เพื่อส่งไปให้ทหารตามฐานต่าง ๆ

ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก ระบุว่า ในการปะทะกันทั้งสองฝ่ายที่เกิดขึ้นในพี้นที่ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา มาหลายวัน ได้มีกระสุนไม่ทราบชนิด ไม่ทราบฝ่าย ข้ามมาตกในบริเวณพื้นที่ทำการเกษตรของราษฎร บ้านวาเล่ย์ใต้ หลายครั้ง ซึ่งทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ได้ทำการยิงเตือนด้วยกระสุนควันไปยังฝั่งเมียนมา เพื่อบอกให้ทราบว่า มีกระสุนข้ามมาตกในฝั่งไทย พร้อมทั้งได้ดำเนินการทำหนังสือประท้วงไปยังคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น ไทย-เมียนมา (TBC)

เปี่ยม จิตรประวัติ จากจังหวัดตาก ร่วมรายงาน 

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง