จับขบวนการหลอกหญิงไทยไปค้าประเวณีที่เมียนมาได้แล้ว 6 ราย
2023.02.24
กรุงเทพฯ
ในวันศุกร์นี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ที่หลอกลวงหญิงสาวชาวไทย 3 ราย ไปค้าประเวณีที่เมืองล็อกกิ่ง ประเทศเมียนมา ได้แล้ว 6 ราย อยู่ระหว่างหลบหนี อีก 2 ราย ในประเทศเมียนมา และระบุว่าจะเร่งประสานนำตัวมาลงโทษในประเทศไทยให้ได้
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล ได้แถลงข่าวพร้อมด้วยนางปวีณา หงสกุล และหญิงสาวชาวไทย 3 ราย ที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกให้ไปค้าประเวณีที่เมืองล็อกกิ่ง และได้รับการช่วยเหลือออกมาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วว่า หลังจากได้ที่เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องราวร้องเรียนจากมูลนิธิปวีณาฯ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ก็ได้เร่งดำเนินการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จนศาลจังหวัดชลบุรีอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ จำนวน 8 ราย
“วันนี้ จับกุมแล้ว 6 ราย เหลือ 2 ราย ซึ่งตอนนี้ข้ามไปหลบหนีอยู่ในเมียนมา ซึ่งผมจะได้ประสานความร่วมมือผ่านแดนแบบไม่เป็นทางการ และจะเอาตัวมาลงโทษให้หมด” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าว
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาอีก 2 ราย ที่หลบหนีอยู่ มีการเข้าออกประเทศไทยผ่านพรมแดนธรรมชาติ ซึ่งจะประสานความร่วมมือผ่านแดนกับหน่วยทหารกับตำรวจในเมียนมา เพื่อการจับกุม พร้อมระบุว่า ในปัจจุบัน การทำงานในเมียนมายากกว่าการทำงานในกัมพูชาและลาว แต่ไม่ว่าจะอย่างไรจะต้องนำตัวทั้งสองที่หลบหนีอยู่มาลงโทษในประเทศไทยให้ได้
สำหรับรายชื่อผู้ต้องหา มีดังนี้ คือ 1. น.ส. ศิลาณี (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ ชักชวนกลุ่มผู้เสียหายให้ไปทำงานที่ประเทศเมียนมา และเป็นผู้ติดต่อประสานงานบุคคลต่าง ๆ เพื่อให้กลุ่มผู้เสียหายสามารถเดินทางไปทำงานที่ประเทศเมียนมาได้ 2. น.ส. พิชญ์สินี (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่รับกลุ่มผู้เสียหายไปทำงานที่ร้าน ที่ประเทศเมียนมา (หลบหนีอยู่ในประเทศเมียนมา) 3. นายสมเกียรติ บุนนาค คนไทย ทำหน้าที่พากลุ่มผู้เสียหายไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ 4. นายชัชวีร์ ปิยะโรจนสกุล ทำหน้าที่รับกลุ่มผู้เสียหายจากสนามบินเชียงใหม่ไปส่งที่ห้องพัก ในหมู่บ้านอรุโณทัย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 5. นายจายหาร สัญชาติเมียนมา ทำหน้าที่รับกลุ่มผู้เสียหายจากห้องพัก ในหมู่บ้านอรุโณทัย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไปส่งที่จุดข้ามแดนไปยังประเทศเมียนมา ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ 6. นายซ่า ทำหน้าที่พากลุ่มผู้เสียหายลักลอบข้ามไปยังประเทศเมียนมา 7. นางโหย่ง ทำหน้าที่พากลุ่มผู้เสียหายลักลอบข้ามไปยังประเทศเมียนมา และ 8. น.ส. อะเหลมะ มีหน้าที่พากลุ่มผู้เสียหายลักลอบข้ามไปยังประเทศเมียนมา (หลบหนีอยู่ในประเทศเมียนมา)
ผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นใดโดยมิชอบ ขู่เข็ญว่าจะใช้กระบวนการทางกฎหมายโดยมิชอบ หรือโดยให้เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลบุคคลนั้น เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลให้ความยินยอมแก่ผู้กระทำความผิดในการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ตนดูแล”
พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2561 ระบุว่า ผู้ใดกระทำความผิดดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสี่แสนบาทต่อผู้เสียหายหนึ่งคน หรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว สองพี่น้องที่ใช้นามสมมุติว่า นางสาวเอ และนางสาวอ้อย รวมทั้งพลอย เพื่อนสนิท วัย 20 ตอนปลาย ได้สมัครงานผ่านนายหน้าชาวไทย ชื่อ แนน ที่รู้จักกันทางเฟซบุ๊ก หลังถูกชักชวนให้ไปทำงานเป็นพนักงานเสริฟ รายได้สูงถึงเดือนละ 50,000 บาท ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ในประเทศเมียนมา แต่สุดท้ายถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศกับลูกค้าชาวจีน เพื่อจ่ายหนี้ค่าตัวที่ตนเองไม่ได้ก่อ ที่เมืองล็อกกิ่ง เขตปกครองตนเองโกก้าง ในรัฐฉาน ติดชายแดนประเทศจีน
หญิงสาว 1 ใน 3 ราย ที่ร่วมฟังการแถลงข่าว ได้เปิดไมโครโฟน กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมขบวนการดังกล่าวทั้งน้ำตา
“หนูอยากขอบคุณที่ช่วยหนูมา ตอนนั้นหนูก็อยากกลับ หนูร้องไห้ แล้วพ่อบอกหนูว่า น่าจะไม่รอดแล้วค่ะ พ่อบอกว่าไม่มีโอกาสรอดแล้ว พ่อทำใจแล้ว” หญิงสาวสะอื้นไห้ ขณะเท้าความถึงตอนที่เธอคุยกับบิดาครั้งที่เธอติดต่อขอความช่วยเหลือมายังฝั่งไทย
จากนั้น นางปวีณา หงสกุล กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมระบุว่า ขณะนี้ ยังมีผู้หญิงไทยอีก 4 ราย ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมืองป๊อป ซึ่งอยู่ติดกับเมืองล็อกกิ่ง รอความช่วยเหลืออยู่ แต่ยังไม่สามารถช่วยเหลือออกมาได้ เพราะเป็นเขตปกครองพิเศษเช่นเดียวกับเมืองล็อกกิ่ง และอยู่ระหว่างการสู้รบ
สถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา (The United States Institute of Peace - USIP) เผยแพร่รายงานหลายฉบับ ระบุตรงกันว่า ปัจจุบันเมียนมาเป็นศูนย์กลางที่ตั้งหลักของกลุ่มอาชญากรชาวจีน ที่มีความเคลื่อนไหวในการขยายเครือข่ายออกไปอย่างกว้างขวาง องค์กรอาชญากรรมเหล่านี้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ทั้งพร้อมขยายอิทธิพลไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“ในโกก้าง ผู้นำการเมืองและเศรษฐกิจเรียกตัวเองว่าเป็น เขตปกครองพิเศษ สร้างอาณาจักรที่มีอิทธิพลจากโครงสร้างธุรกิจการพนันและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง” รายงานในปี 2564 ระบุ