บทสัมภาษณ์ ผู้อำนวยความสะดวกพูดคุยสันติสุขคนใหม่ : ‘เป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษยชาติ’

มุซลิซา มุสตาฟา และนิชา เดวิด
2023.02.23
กัวลาลัมเปอร์
บทสัมภาษณ์ ผู้อำนวยความสะดวกพูดคุยสันติสุขคนใหม่ : ‘เป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษยชาติ’ พล.อ. ซุลกิฟลี ไซนัล อบิดิน อดีตนายทหารบกเกษียณอายุชาวมาเลเซีย ผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้คนใหม่ แถลงข่าวในกรุงกัวลาลัมเปอร์ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566
เอส. มาห์ฟุซ/เบนาร์นิวส์

สิ่งแรกที่ พล.อ. ซุลกิฟลี ไซนัล อบิดิน ผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ของมาเลเซียคนใหม่ ตัดสินใจทำหลังจากได้รับการแต่งตั้งเมื่อเดือนที่แล้ว คือการเริ่มพบปะกับทุกฝ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้ของไทย-มาเลเซีย

พล.อ. ซุลกิฟลี กล่าวว่า ทุกคนควรติดต่อพูดคุยกับเขาได้ เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้การสื่อสารลื่นไหล และการสื่อสารอย่างเป็นนิตย์ จะก่อให้เกิดความไว้วางใจ ซึ่งยังมีไม่เพียงพอต่อกระบวนการยุติความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู

สัปดาห์นี้ พล.อ. ซุลกิฟลี ได้เข้าร่วมการพูดคุยเพื่อสันติสุขเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง และประสบความสำเร็จในการจัดแถลงข่าวร่วมกับผู้เจรจาทั้งสองฝ่าย ซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลไทยและขบวนการบีอาร์เอ็น (BRN) ซึ่งนอกจากนี้เขายังโน้มน้าวให้บีอาร์เอ็น ซึ่งเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนหลัก เห็นพ้องในหลักการที่จะให้กลุ่มอื่น ๆ เข้าร่วมการพูดคุยด้วย หากเกิดขึ้นจริงก็จะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2561 ที่มีกลุ่มก่อความไม่สงบกลุ่มอื่นนอกจากบีอาร์เอ็นเข้าร่วมในการเจรจาสันติภาพ

พล.อ. ซุลกิฟลี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับเบนาร์นิวส์ หลังการเจรจารอบแรกที่เขาเป็นผู้อำนวยความสะดวกระหว่างทั้งสองฝ่าย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ข้อความที่ตัดตอนมาจากบทสัมภาษณ์ได้รับการปรับปรุงเพื่อความชัดเจน :

เบนาร์นิวส์ : คุณได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 1 มกราคม เกือบสองเดือนก่อน คุณทำอะไรเป็นอย่างแรกเมื่อได้รับภารกิจ

ซุลกิฟลี ไซนัล อบิดิน : ผมเดินทางไปทั่ว ผมไปพบกับทุกคน ทั้งสมาชิกกลุ่มบีอาร์เอ็น, พูโล และบีไอพีพี

ผมได้พบและพูดคุยกับพวกเขาทั้งหมด ผมยังได้พบกับผู้นำบีอาร์เอ็น และพวกเขาก็ตกลงในหลักการที่จะเชิญกลุ่มอื่น ๆ เข้าร่วมเจรจา เพราะพวกเขาไม่ต้องการทำอย่างโดดเดี่ยว พวกเขาต้องการทำร่วมกัน

เราต้องส่งคำเชิญอย่างเป็นทางการไปให้กลุ่มอื่น ๆ เพื่อทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา เรากำลังวางแผนที่จะอนุญาตให้เอ็นจีโอ (องค์กรพัฒนาเอกชน) จากมาเลเซีย และเอ็นจีโออื่น ๆ มีส่วนร่วมในการพูดคุยสันติสุข มีบางองค์กรได้ติดต่อเรามา เพื่อขอเป็นผู้สังเกตการณ์ ... ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้หลังกลับมาจากภาคใต้ของไทย

และผมต้องคุยกับทั้งสองฝ่าย เพราะผมไม่ใช่คนตัดสินใจ ทั้งสองฝ่ายต้องยอมรับ [เรื่องนี้] ... มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมที่จะต้องมาผลักดันใครต่อใครตามที่ผมต้องการ

เบนาร์นิวส์ : ครั้งนี้จะมีอะไรแตกต่างจากที่ผ่านมา เพื่อให้แน่ใจว่าการหารือ/การพูดคุยเหล่านี้จะนำไปสู่การยุติความขัดแย้งในที่สุด

ซุลกิฟลี : ผมต้องเปิดให้คนติดต่อสื่อสารได้ตลอด 24/7 ผมต้องให้ทุกคนได้พูด ไม่บีบคั้นใครเมื่อเขาพูด และผมต้องเป็นผู้ฟังที่ดี

อย่างไรก็ตาม [การเป็น] ผู้ฟังที่ดีโดยไม่แสดงความคิดเห็นหรือคำแนะนำนั้น ย่อมไม่ใช่ผู้อำนวยความสะดวกที่ดี ผมอำนวยความสะดวกในส่วนที่พวกเขาต้องการ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดที่จะให้ทางเลือก ในฐานะคนกลางที่ผมทำได้

ถึงกระนั้น การตัดสินใจเป็นของพวกเขาเสมอ นั่นเป็นเหตุผลที่นายกรัฐมนตรี [อันวาร์] พูดเสมอว่า ต้องเอาชนะความไม่ไว้วางใจกันให้ได้

ซึ่งตอนนี้ ดูเหมือนเราผ่านมันมาได้ เราพูดสิ่งที่อยู่ในใจ เราแบ่งปันความคิดเห็นของเรา และแสดงให้เห็นว่าเราจริงใจ นั่นแหละเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำ

นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษยชาติ เป็นเรื่องการผลิตให้เคมีลงตัว การพูดนั้นง่ายกว่าปฏิบัติ ซึ่งผมต้องแน่ใจว่า ผมจะต้องเปิดทางหลายสายไปสู่การเจรจาหารือ

เบนาร์นิวส์ : ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า การหารือระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่เคยผ่านขั้นตอนการสร้างความไว้วางใจ แล้วตอนนี้ล่ะ เราผ่านการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแล้วหรือยัง เราได้รับความไว้วางใจหรือไม่

ซุลกิฟลี : ได้ แต่รสชาติของอาหารนั้นอยู่ที่การลิ้มรส ดังนั้นเราจึงยังไม่สามารถใส่เครื่องชี้วัดบอกได้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่รายละเอียด รายละเอียดเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้

ในฐานะผู้อำนวยความสะดวก ผมต้องดูรายละเอียด ดูเหตุผลของการดำเนินการ/ข้อเสนอแนะหลายอย่าง และพยายามทำความเข้าใจและอำนวยความสะดวก เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจ

เบนาร์นิวส์ : คุณกำลังจะเดินทางไปภาคใต้ของไทย แต่มักมีคนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการไปที่นั่นของคุณ โดยบอกว่า ไปเพื่อเอาใจคนไทยเท่านั้น และการไปที่ต่าง ๆ ของคุณกไม่เป็นอิสระและง่ายดายอย่างที่คุณต้องการ

ซุลกิฟลี : ผมไม่สามารถนั่งเฉย ๆ และไม่ทำอะไรเลย ผมไม่สามารถปิดกั้นตัวเอง หรือห้ามไม่ให้ตัวเองเดินทางไปที่นั่นเมื่อมีโอกาส ผมต้องลองและผมต้องเปิด เพื่อให้ทุกคนได้พบและสื่อสารกับผม

เบนาร์นิวส์ : มีการหารือเรื่องการลดความรุนแรงในการประชุมครั้งนี้หรือไม่

ซุลกิฟลี : มี เราคุยเรื่องนี้ด้วย แต่ช่วงเวลาหารือมีน้อย ดังนั้นเราจึงไม่สามารถคุยรายละเอียดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเราจะติดขัดไปหมด เราจึงต้องมุ่งไปที่ 'แผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม' (หรือ Joint Comprehensive Plan towards Peace - JCPP) นั่นคือเหตุผลที่เราบอกว่า เราจะต้องมีการประชุมทางเทคนิคต่อไป เพื่อหารือรายละเอียด

นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราจะพบกันอีกในเดือนหน้า ผมกำลังดูอยู่

เบนาร์นิวส์ : ตอนที่คุณตัดสินใจรับงานนี้ เป็นเพราะถูกขอร้องมาใช่ไหม

ซุลกิฟลี : นายกรัฐมนตรีขอให้ผมรับทำงานนี้ ในฐานะที่เป็นทหาร ผมต้องรับเพราะถือว่าทำงานเพื่อชาติ ดังนั้นผมจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล

เบนาร์นิวส์ : คุณถูกกดดันให้รีบจัดการเพื่อให้สำเร็จผลโดยเร็ว เพื่อรายงานต่อนายกรัฐมนตรีหรือ

ซุลกิฟลี : ไม่ ผมได้รับอิสระให้ทำสิ่งที่สามารถทำได้ หรือต้องทำเพื่อให้บรรลุผลที่ดี อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา ผมรายงานนายกรัฐมนตรี (อันวาร์ อิบราฮิม) ตลอดเวลา แล้วท่านก็ให้คำแนะนำมา

เบนาร์นิวส์ : มีคนบอกเราว่า ฝ่ายทหารของบีอาร์เอ็นไม่พอใจกับ JCPP มาก เนื่องจากคุณได้กดดันให้บีอาร์เอ็นตกลงที่จะใช้โรดแม็ป จริงไหม

ซุลกิฟลี : มันไร้สาระสิ้นดี ผมไม่ได้กดดันใคร ผมเพียงเสนอทางเลือกและทำความเข้าใจ ทีมบีอาร์เอ็นเป็นนักเจรจาที่เก่งมาก เราต้องชมเชยพวกเขา

ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผมที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันในหลายสิ่ง มันไม่ง่ายสำหรับคนไทย และมันก็ไม่ง่ายสำหรับบีอาร์เอ็นเช่นกัน

การร่างคำหนึ่งคำ อาจใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เพียงเพื่อแจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับประเด็นที่ละเอียดอ่อน สีหน้าของผมจะเริ่มแดงขึ้น เมื่ออยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด เราต้องหยุดพักหลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องที่หารือเป็นที่เข้าใจตรงกัน และบรรลุผลตามที่เราต้องการ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง