รัฐบาลไทยตั้งรองเลขา สมช. เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข
2023.11.28
กรุงเทพฯ, ปัตตานี และกัวลาลัมเปอร์
รัฐบาลไทยเปลี่ยนตัวหัวหน้าเจรจาฝ่ายไทยจากอดีตนายทหารมาเป็นนายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการแต่งตั้งราชการพลเรือนเป็นผู้นำการเจรจากับขบวนการแบ่งแยกดินแดน เพื่อหาทางยุติความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้มาเป็นเวลาสิบปี
เมื่อวานนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ชุดใหม่ นำโดยนายฉัตรชัย บางชวด เป็นหัวหน้าคณะพูดคุย แทนพลเอก วัลลภ รักเสนาะ และแต่งตั้งชุดใหม่ มีสมาชิกประกอบด้วย เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ, ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ขณะที่ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 จะเป็นสมาชิกในคณะพูดคุยและเลขานุการร่วม
ผู้สันทัดกรณี กล่าวว่า นายฉัตรชัย บางชวด เป็นข้าราชการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่มีความรู้และประสบการณ์กับชายแดนภาคใต้มานาน และอยู่ในคณะเจรจามาแล้วหลายคณะ รวมทั้งคณะที่นำโดยพลเอก วัลลภ รักเสนาะ
เบนาร์นิวส์ไม่สามารถติดต่อนายฉัตรชัย เพื่อขอสัมภาษณ์ได้ในวันนี้ ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน ไม่ตอบคำถามใด ๆ ของผู้สื่อข่าวในการแต่งตั้งครั้งนี้
ด้าน พล.อ. ซุลกิฟลี ไซนัล อบิดิน ผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยสันติสุขของประเทศมาเลเซีย กล่าวแสดงความยินดีและต้อนรับหัวหน้าคณะพูดคุยฯ คนใหม่ของไทย
“ผมคิดว่าท่านเป็นตัวเลือกเป็นหัวหน้าคณะเจรจาที่เหมาะสมที่สุด เพราะว่าท่านเคยเป็นรองหัวหน้าคณะพูดคุยฯ ในสมัยที่พลเอก วัลลภ รักเสนาะ เป็นหัวหน้าทีม ผมจะพบท่านในสัปดาห์หน้าเพื่อพูดคุยขั้นตอนต่อไป ถ้าไม่เป็นที่กรุงเทพฯ ก็เป็นกัวลาลัมเปอร์” พล.อ. ซุลกิฟลี กล่าวกับผู้สื่อข่าวของเบนาร์นิวส์ในมาเลเซีย และระบุว่า จะเป็นการพบปะกันของสองฝ่ายโดยยังไม่รวมฝ่ายบีอาร์เอ็น
เมื่อถามถึงปฏิกิริยาของฝ่ายบีอาร์เอ็นที่มีต่อการแต่งตั้งครั้งนี้ พล.อ. ซุลกิฟลี กล่าวว่า “มีการแต่งตั้งเมื่อวานนี้ ส่วนเราเพิ่งทราบข่าววันนี้ ขอเวลาหน่อย แต่ผมคิดว่าฝ่ายบีอาร์เอ็นต้องการให้การเจรจาดำเนินต่อไป”
ด้านตัวแทนขบวนบีอาร์เอ็นที่อาศัยอยู่ในมาเลเซียไม่ได้ตอบรับข้อความของผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา รัฐบาลไทยได้ตั้งคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเจรจากับกลุ่มขบวนการหลายกลุ่ม ในหลายวาระ เช่น องค์กรร่มมาราปาตานี (MARA Patani – Majis Syura Patani) ที่ประกอบด้วย กลุ่มบีไอพีพี (BIPP), กลุ่มจีเอ็มไอพี (GMIP), กลุ่มพูโล-เอ็มเคพี (PULO-MKP) และกลุ่มพูโล-ดีเอสพีพี (PULO-DSPP)
และล่าสุด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 คณะของพลเอก วัภลภ ได้เจรจากับขบวนการบีอาร์เอ็นที่นำโดย อุสตาซ อานัส อับดุลเราะห์มาน เป็นครั้งที่ 6 และยุติลงชั่วคราวหลังจากนั้น เพราะฝ่ายบีอาร์เอ็นขอรอผลการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม หลังจากรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หมดวาระ
สองนายกฯ อันวาร์-เศรษฐาพบปะกัน
หลังจากที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ได้เดินทางมาเพื่อพบกับนายเศรษฐา ทวีสิน เมื่อวันจันทร์ที่ด่านอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของไทย นายอันวาร์ กล่าวว่า เขาเชื่อว่านายกรัฐมนตรีไทยต้องการบรรลุข้อตกลงสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
“ผมเห็นว่านายกรัฐมนตรีไทยประสงค์ที่จะหาวิธีแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เราจะยังคงมีบทบาทต่อไปในฐานะผู้อำนวยความสะดวกที่นำโดย พล.อ. ซุลกิฟลี” นายอันวาร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการเยือนไทย
ด้าน ดร. ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการอิสระ ด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ และอดีตประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า การใช้พลเรือนเป็นแกนนำในชุดเจรจา น่าจะเป็นผลดีต่อกระบวนการพูดคุย
“การที่ใช้คุณฉัตรชัยซึ่งเป็นพลเรือน ก็จะทำให้ภาพลักษณ์เปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตที่มักใช้ทหารเกษียณเป็นส่วนใหญ่ การเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ของพลเรือนก็อาจส่งผลดี และอาจทำให้มีความคืบหน้าของการพูดคุยไปมากกว่าในอดีต” ดร. ปณิธาน กล่าวกับเบนาร์นิวส์
“แต่ก็จะมีข้อจำกัดในฐานะข้าราชการประจำ บางอย่างอาจจะละเอียดอ่อน ซึ่งถ้าไม่ได้ให้ตัดสินใจเรื่องระดับสูงจริง ๆ สำหรับข้อจำกัด ก็อาจจะมีเรื่องการตัดสินใจ การวางอาวุธ หรือข้อตกลงยุติความรุนแรง หรือเขตปลอดภัย ข้าราชการประจำอาจจะตัดสินใจตรงนั้นไม่ได้ ก็ต้องนำเรื่องกลับไปให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจ” ดร. ปณิธาน ระบุ
ดร. ปณิธาน กล่าวอีกว่า นายฉัตรชัย เป็นผู้ที่ถือว่าคุ้นเคยกับเรื่องการเจรจา รู้จักตัวบุคคลพอสมควรเพราะอยู่ในการพูดคุยทุกครั้ง และถือว่าเชี่ยวชาญที่สุดแล้วถ้าไม่นับทหารในพื้นที่
ด้าน นายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ นักวิชาการอิสระในอำเภอหาดใหญ่ กล่าวว่า ตนเชื่อการเจรจาจะยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง
“มีหัวหน้าพูดคุยคนใหม่ ผมก็ยังเชื่อว่ายังไม่น่าจะทำให้การพูดคุยเปลี่ยนจากเดิม ควรจัดทีมคณะพูดคุยฝั่งไทยที่พร้อมกว่าเดิม ควรใช้ตัวจริงเข้าไปร่วมคณะ ประกอบกับงานการข่าวต้องถูกต้องเชื่อถือได้ ด้วยความที่มีพลเรือนเป็นหัวหน้าคณะพูดคุย ก็ต้องมีทหารผสมกันไป เพราะบีอาร์เอ็นเองเขาก็มีฝ่ายทหารอยู่ด้วยเหมือนกัน” นายประสิทธิ์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์
ส่วนเยาวชนแนวร่วมบีอาร์เอ็นรายหนึ่ง กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะพูดคุยชุดใหม่ว่า รัฐบาลไทยต้องมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา
“ก็ดี ขอให้จริงใจ การพูดคุยที่ผ่านมา เพราะไทยไม่จริงใจมันจึงมีปัญหา อยากให้จบที่รุ่นนี้ ไม่ต้องส่งต่อไปที่รุ่นลูกหลานของพวกเราอีก” เยาวชนคนดังกล่าว กล่าวกับเบนาร์นิวส์