ไม่พลิกโผ สภาฯ เลือก อุ๊งอิ๊งค์นั่งนายกฯ คนที่ 31
2024.08.16
กรุงเทพฯ
สภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบให้ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊งค์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 หลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสภาพนายกรัฐมนตรีตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
สภาผู้แทนราษฎร มีมติ 319 เสียง ต่อ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง และไม่ลงคะแนน 2 เสียง รับรองนายกรัฐมนตรีจากบัญชีของพรรคเพื่อไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรี
แม้ น.ส. แพทองธาร ไม่ได้เดินทางมาที่อาคารรัฐสภา แต่ได้แถลงต่อสื่อมวลชน หลังทราบผลการลงมติว่าขอบคุณเสียงโหวตจากตัวแทนประชาชนทุก ๆ คน
“ดิฉันต้องขอขอบพระคุณเสียงโหวตจากตัวแทนประชาชนทุก ๆ คน ดิฉันและทีมจะทำหน้าที่ ดิฉันและทีมจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่อะไรก็ตามที่ได้รับมอบหมาย เราทุกคนก็พร้อมจะทำงานหนักเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย” น.ส. แพทองธาร ระบุ
น.ส. แพทองธาร ปัจจุบัน อายุ 37 ปี เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จบปริญญาตรีสาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท สาขาการจัดการโรงแรมนานาชาติ (International Hotel Management) จากมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ (Surrey University) ประเทศอังกฤษ
อุ๊งอิ๊งค์ เคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่ด้านบริหารกลุ่มธุรกิจโรงแรม บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และกรรมการบริษัทธุรกิจในเครือ รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ภารกิจแก้รัฐธรรมนูญ
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชช.) อภิปรายเชิญชวนให้ สส. ทุกคนร่วมผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองถูกยุบ และอำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
“ภารกิจที่สำคัญของพวกเราทุกคนในสภาชุดนี้ ผมอยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านมาช่วยกัน ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ หรือเป็นรายมาตรา เพื่อจัดวางตำแหน่งแห่งที่ อำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงองค์กรอิสระให้มีความเหมาะสมเป็นไปตามสากล จะมีการปรับปรุงโทษยุบพรรค กติกาเกี่ยวกับพรรคการเมืองทำอย่างไรให้พรรคการเมืองเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ตายได้ยาก” นายณัฐพงษ์ กล่าว
ขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายสนับสนุนแนวทางนั้นเช่นกัน
“พวกเราโดยเฉพาะรัฐบาลที่จะมีในอนาคต ควรจะปรับปรุงกฎหมาย รัฐธรรมนูญที่เป็นโทษแก่นักการเมืองและพรรคการเมือง และเห็นด้วยที่จะปรับปรุงเรื่องกฎหมายพรรคการเมือง พรรคการเมืองต้องเกิดง่ายและตายยาก เรามาจับมือกันเพื่อจะแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และขออำนวยอวยพรให้ฝ่ายค้านจงทำงานไปกับรัฐบาลด้วยความพร้อมเพรียงกัน” นายอดิศร กล่าวเพิ่มเติม
น.ส. แพทองธาร เริ่มทำงานในพรรคเพื่อไทยด้วยตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เมื่อเดือนตุลาคม 2564 และลงพื้นที่ทำกิจกรรมกับพรรคมาตลอด กระทั่ง ในเดือนเมษายน 2566 พรรคเพื่อไทยประกาศว่า น.ส. แพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค ร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน และนายชัยเกษม นิติสิริ
หลังทราบผลการโหวตนายก ผศ.ดร. โอฬาร ถิ่นบางเตียว คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ระบุว่า การเมืองไทยหลังจากนี้จะถูกครอบงำโดยทักษิณทั้งหมด
“การเมืองไทยจากนี้จะถูกครอบงำโดยคุณทักษิณ 100% จุดแข็งของคุณอุ๊งอิ๊ง คือ การเป็นลูกคุณทักษิณ และจุดอ่อนของคุณอุ๊งอิ๊ง ก็คือเป็นลูกคุณทักษิณ คุณอุ๊งอิ๊งจะเป็นเป้าล่อให้กลุ่มคนที่ไม่ชอบคุณทักษิณ ก็จะมีการขุดคุ้ยเรื่องต่าง ๆ แน่นอน ในขณะที่ก็จะมีการต่อรองขอตำแหน่งรัฐมนตรีกัน” ผศ.ดร. โอฬาร กล่าวกับเบนาร์นิวส์
“ผมเชื่อว่าการที่พรรคเพื่อไทยย้ายข้ามขั้วมาอยู่กับกลุ่มอำนาจเก่า เขาไม่เคยไว้ใจพรรคเพื่อไทยแม้แต่วินาทีเดียว จึงต้องการให้คุณแพทองธารมาอยู่ในภาวะที่เรียกว่า “ลูกแกะในดงหมาป่า” คือแม้ต้องพึ่งพาพรรคเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยก็จะบิดพลิ้วไม่ได้ คุณแพทองธารจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขแบบนี้ คือต่อสู้กับพรรคประชาชนต่อไป” ผศ.ดร. โอฬาร กล่าวเพิ่มเติม
เมื่อเดือนตุลาคม 2566 น.ส. แพทองธาร ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยในสมัยรัฐบาลเศรษฐา อุ๊งอิ๊งค์ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ รองประธานกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ รับผิดชอบโครงการ “1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์” ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงก่อนการเลือกตั้ง
น.ส. แพทองธาร นับเป็นคนจากตระกูลชินวัตรคนที่สี่ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อจาก นายทักษิณ บิดา ปี 2544-2549, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อาเขย ปี 2551 และ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาหญิง ปี 2554-2557 โดยกลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศไทยถัดจาก น.ส. ยิ่งลักษณ์ และนับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
หลากความเห็นต่อนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์
น.ส. ไอโกะ ฮามาซากิ อายุ 32 ปี อาชีพนักเขียน กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า รู้สึกดีใจที่อุ๊งอิ๊งค์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะรู้สึกตั้งแต่ที่เขาลงหาเสียงว่านี่คือตัวแทนของเราจริง ๆ คือเสียงที่พูดแทนเราเพราะทั้งน้ำเสียง ทั้งภาษาที่เขาใช้พูดมันคือภาษาเดียวกันกับเรา
“คาดหวังทุกนโยบายจากพรรคเพื่อไทยที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจและการเติมเงินเข้าประเทศ การหาเงินจากต่างประเทศ… หวังว่าในครั้งนี้มันจะเป็นโอกาสจริง ๆ สักทีที่เราจะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันบนความคิดเห็นที่แตกต่าง” น.ส. ไอโกะ ระบุ
หลังจาก น.ส. แพทองธาร ได้รับการโปรดเกล้าฯ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม ต่อไปจะมีหน้าที่ทูลเกล้าฯ เสนอชื่อ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากนั้น ครม. จึงสามารถเริ่มงานได้ โดย ครม. ทั้งหมดไม่รวมนายกรัฐมนตรีต้องมีไม่เกิน 35 คน
นายกฤติน ลิขิตปริญญา พนักงานบริษัทเอกชน อายุ 28 ปี กล่าวว่า ผิดหวังกับพรรคเพื่อไทยที่ละทิ้งคำสัตย์ของตนเองไปจับมือกับกลุ่มเผด็จการรัฐประหาร ลืมความทุกข์ยากที่ฝ่ายประชาชนต่อสู้กันมา
“ความปรารถนาเดียวที่ผมต้องการในเวลานี้คือ การเห็นคุณแพทองธารขึ้นสู่บัลลังก์นายกรัฐมนตรี มิใช่ด้วยหวังว่า คุณแพทองธารจะกอบกู้ศรัทธาที่สูญเสียไปแล้วจากคนรุ่นใหม่ หรือคนข้นอุดมการณ์ให้กลับขึ้นมา แต่ผมเบื่อที่จะต้องเผชิญหน้ากับเผด็จการแก่ คุณแพทองธารอาจเป็นหนทางเดียวที่จะพาเราออกจากอ่างน้ำวนของเผด็จการ” นายกฤติน กล่าวกับเบนาร์นิวส์
การเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายเศรษฐาต้องสิ้นสภาพนายกรัฐมนตรี จากกรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ว่าคุณสมบัติไม่เหมาะสม เนื่องจากนายพิชิตเคยถูกตัดสินจำคุกจากคดีติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาล
คดีของนายพิชิตเป็นการพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งสื่อมวลชนเรียกว่า “คดีถุงขนม” เมื่อปี 2551 ระหว่างทำหน้าที่ทนายความให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในคดีเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก โดยศาลตัดสินให้จำคุกนายพิชิตเป็นเวลา 6 เดือนไม่รอลงอาญา และสภาทนายความลบชื่อนายพิชิตออกจากบัญชี
และกรณีดังกล่าวทำให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะนำคำวินิจฉัยของศาลมาประกอบการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเอาผิดกับนายเศรษฐาข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรง และหากมีความผิดจริงจะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต
จรณ์ ปรีชาวงศ์ และ วิทยากร บุญเรือง ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน