ครม. เศรษฐาประชุมนัดแรก เล็งลดค่าไฟฟ้า-ค่าน้ำมัน

วีซ่าฟรีให้จีนชั่วคราว พักหนี้เกษตร ตั้งกรรมการแก้รัฐธรรมนูญ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรกในวันพุธนี้ โดยหารือเรื่องการตั้งคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พักหนี้เกษตรกรและบริษัทขนาดเล็ก ลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมันดีเซล รวมถึงจะดำเนินการวีซ่าฟรีให้กับชาวจีนและคาซัคสถานเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

นายเศรษฐา แถลงข่าวในเวลาเที่ยงวัน หลังการประชุม ครม. ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาลว่า มีนโยบายที่จะสั่งให้ดำเนินการทันทีหลายเรื่อง

“เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นต่าง ในเรื่องรัฐธรรมนูญปี 2560 เห็นชอบให้คุณภูมิธรรม เวชยชัย ท่านรองนายก คนที่ 1 เป็นผู้รับผิดชอบแต่งตั้ง คณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ โดยยึดเอาแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ และใช้เวทีรัฐสภาในการหารือรูปแบบแนวทาง ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และประชามติ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมออกแบบกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตยร่วมกัน” นายเศรษฐา กล่าว

“วีซ่าฟรี ชั่วคราว การยกเลิกการขอเดินทางเข้ามาในประเทศไทยของประเทศจีน และคาซัคสถาน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน เป็นต้นไป ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ปีหน้า"

"การพักหนี้เกษตรกร ก็มีการตกลงกันว่าจะมีการพักหนี้เกษตรกร และธุรกิจขนาดเล็กเป็นเวลา 3 ปี ลดค่าไฟฟ้าเป็น 4.10 ต่อกิโลวัตต์ ต่อชั่วโมง จาก 4.45 เริ่มในรอบบิลเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป ลดราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสูงสำหรับค่าขนส่งให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร เข้าใจว่าจะเริ่มต้นได้ในวันที่ 20 กันยายน” นายเศรษฐา กล่าวเพิ่มเติม

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่มีการแก้ไขหมวดที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และสั่งการให้ทุกกระทรวงทบทวนคำสั่ง ครม. และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในอดีต

“ถ้าไม่มีการทักท้วงภายในวันที่ 9 ตุลาคม 2566 จะยกเลิกคำสั่งในอดีตทั้งหมด นายกรัฐมนตรีขอให้ยึดหลักกฎหมายไม่เขียน ถือว่าทำได้ เป็นหลักการ เพื่อส่งเสริมเสรีภาพ ประชาธิปไตย และอำนวยความสะดวกประชาชน” นายชัย กล่าว

“เพื่อให้ปัญหาผู้มีอิทธิพล อาวุธปืน ยาเสพติด และการซื้อขายตำแหน่งหมดไปอย่างเด็ดขาด มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการจัดตั้งทีมทำงาน และกำหนดเวลาการนำเสนอโดยเร็วที่สุด โดยผู้ครอบครองอาวุธปืนและอาวุธอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ให้นำมามอบแก่ทางราชการที่สถานีตำรวจที่มีภูมิลำเนา ภายใน 30 วัน และหากอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้อง หากจำเป็นต้องพกพา ให้ดำเนินการขออนุญาตพกพาภายใน 30 วัน ตั้งแต่บัดนี้ไป” นายชัย กล่าวเพิ่มเติม

นายเศรษฐา ได้รับความเห็นชอบจาก สมาชิกรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 กระทั่งทูลเกล้าฯ รายชื่อ ครม. ในวันที่ 1 กันยายน และนายเศรษฐา ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 11-12 กันยายน 2566 ซึ่งถือว่า เป็นการมีอำนาจบริหารอย่างสมบูรณ์ของ ครม. ชุดใหม่

นโยบายเร่งด่วน 5 ประเด็นของ ครม. เศรษฐา 1 ประกอบด้วย 1. การเติมเงิน 10,000 บาทผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 2. การแก้ปัญหาหนี้สินภาคการเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน 3. การลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชน 4. การผลักดันรายได้จากการท่องเที่ยว และ 5. การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างไรก็ตาม ส.ส. ฝ่ายค้านมองว่า นโยบายโดยรวมของ ครม. ชุดนี้ไม่มีความชัดเจนเพียงพอ

“การแถลงนี้ ยังเป็นการแถลงที่ปราศจากความทะเยอทะยานที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงใด ๆ หลับตาข้างหนึ่งแล้วก้าวข้ามความขัดแย้งเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง สามจังหวัดชายแดนใต้ การลดความเหลื่อมล้ำ ไม่กล้าแตะเรื่องยากที่ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ ทั้งที่ตอนหาเสียงท่านกล้าหาญกว่านี้มาก” น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายในรัฐสภา

ด้าน ดร. เอียชาการ์ตี นักวิจัยนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ว่า ผลการประชุม ครม. ครั้งแรกเป็นไปตามคาดคือ พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจจุลภาคเป็นอันดับแรก แต่อาจยังไม่ส่งผลกับครัวเรือน หรือธุรกิจขนาดเล็กมากนัก

“การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องดูกันในระยะยาว เพราะการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษา ยังไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน ซึ่งอาจจะเป็นปัญหา และต้องดูว่าจะมีการรับฟังเสียงจากประชาชนมากน้อยแค่ไหน และด้วยวิธีการอะไร”

“นโยบายพักหนี้จะเป็นประโยชน์มาก ๆ กับเกษตรกร เพราะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนในช่วงหนึ่ง ส่วนธุรกิจขนาดเล็ก ก็จะมีโอกาสในการฟื้นฟู และปรับปรุงธุรกิจตัวเอง มองในระยะยาวก็ยังสอดคล้องกับเงินดิจิทัลวอลเลต ถ้าธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าไปอยู่ในระบบนี้ได้ คิดว่านี่คือ เรื่องที่จะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจมากที่สุด และมากกว่าการลดราคาค่าไฟและน้ำมันดีเซล” ดร. เอียชา กล่าวกับเบนาร์นิวส์

คุณวุฒิ บุญฤกษ์ ในเชียงใหม่ ร่วมรายงาน