ศาลปกครองสั่ง ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2021.04.02
กรุงเทพฯ
ศาลปกครองสั่ง ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทักทายผู้สนับสนุน ก่อนเดินทางออกจากศาลฎีกา ในกรุงเทพฯ วันที่ 1 สิงหาคม 2560
รอยเตอร์

ในวันศุกร์นี้ ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในโครงการจำนำข้าว ตามคำสั่งของกระทรวงการคลัง เนื่องจากศาลเห็นว่าคำสั่งของกระทรวงการคลังไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำให้เกิดความเสียหาย

ศาลปกครองกลาง ได้ออกจดหมายข่าวศาลปกครอง ครั้งที่ 16/2564 เรื่อง ศาลปกครองกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่เรียกให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีโครงการรับจำนำข้าว ระบุว่า คดีนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี เป็นผู้ร้องที่ 1 และ 2 ตามลำดับโดย นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, ปลัดกระทรวงการคลัง, สำนักนายกรัฐมนตรี, กระทรวงการคลัง, กรมบังคับคดี, อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร 6 เป็นผู้ถูกร้องที่ 1-9 ซึ่งระบุว่า ผู้ร้องได้รับความเสียหายจากคำสั่งของกระทรวงการคลัง ที่ให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหม 35,717,273,028.23 บาท และผู้ร้องยังขอให้กระทรวงการคลัง และกรมบังคับคดีชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเงิน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอีกด้วย

“เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 (กระทรวงการคลัง) ยอมรับว่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดในการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งว่า ผู้ฟ้องคดีที่ 1 (น.ส.ยิ่งลักษณ์) เป็นผู้สั่งการ ทำให้เกิดความเสียหาย หรือเป็นผู้มีส่วนร่วมโดยตรง ในการกระทำละเมิด… การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (นายกฯ) และที่ 2 (รมว.กระทรวงการคลัง) มีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะในส่วนการกระทำของ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ในอัตราร้อยละ 20 ของความเสียหาย คิดเป็นเงิน 35,717,273,028.23 จึงไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1” คำพิพากษา ตอนหนึ่งระบุ 

คำพิพากษา ระบุว่า การดำเนินการตามโครงการรับจำนำข้าว มีการดำเนินการในรูปแบบของกรรมการ ซึ่งจะต้องอาศัยมติที่ประชุมเสียงข้างมาก แม้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 จะอยู่ในฐานะประธาน แต่ก็มิอาจมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ ยับยั้ง อนุมัติ เห็นชอบ หรือดำเนินการใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ของตนได้

“คำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีเหตุที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 จำต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด… พิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่เรียกให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน” จดหมายข่าว ระบุ

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอนุสรณ์ ร้องให้ผู้ถูกร้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยนั้น ศาลระบุว่า การดำเนินการของผู้ถูกร้องไม่ได้เป็นการเจตนากลั่นแกล้งผู้ร้อง จึงไม่เป็นการละเมิด และต้องจ่ายสินไหมทดแทน

ต่อคำพิพากษาดังกล่าว น.ส. ยิ่งลักษณ์ ยังมิได้มีการแสดงความเห็นใด ๆ ต่อสื่อมวลชน รวมถึงเคลื่อนไหวผ่านบัญชีสื่อสังคมออนไลน์

ด้าน นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยแก่สื่อมวลชนว่า ทีมทนายความจะได้นำคำพิพากษาของศาลปกครองมาศึกษา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสู้คดีในชั้นต่อไป หากเกิดขึ้น

ด้าน นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ว่าที่หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เคารพคำพิพากษาศาล แต่เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีส่วนรู้เห็นกับการทุจริตที่เกิดขึ้น

“วันนี้หลายคนคงแปลกใจ ต่อคำพิพากษาศาลปกครองกลาง กรณียกเลิกคำสั่งให้นางสาวยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท ทั้ง ๆ ที่คดีนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง มีคำพิพากษาความผิดของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ในฐานไม่ระงับยับยั้งและปล่อยให้มีการทุจริตในคดีการระบายข้าวแบบจีทูจี สิ่งที่น่าพิจารณาคือ ในคำพิพากษาศาลปกครองกลาง มีประเด็นที่ขัดแย้งกับคำพิพากษาศาลฎีกานักการเมือง” นพ.วรงค์ ระบุ

ทั้งนี้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2554 ในฐานะตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร โดยได้ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเพื่อช่วยเหลือชาวนา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านเวลานั้น ได้อภิปรายโจมตีโครงการนี้ และชี้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น

ต่อมาในปี 2556-2557 คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้จัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะประกาศยุบสภาในวันที่ 9 ธันวาคม 2557 แล้ว แต่การชุมนุมยังดำเนินต่อเนื่อง กระทั่งวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในขณะนั้น ประกาศยึดอำนาจและได้มีการนำคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเข้าสู่ชั้นศาล

วันที่ 21 กันยายน 2559 คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายกรัฐมนตรีเรียกค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าประเมินความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ความรับผิดทางละเมิด 178,586 ล้านบาท รัฐบาลจึงได้พยายามเดินหน้ายึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์

ในวันที่ 27 กันยายน 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยไม่รอลงอาญา จากความผิดในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว โดยให้เหตุผลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับรู้การทุจริตในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) แต่ไม่ดำเนินการยับยั้ง จึงถือเป็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ มิได้เดินทางไปฟังคำพิพากษา และภายหลังเปิดเผยว่า ได้หลบหนีออกนอกประเทศ

อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ให้ทนายความยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว กระทั่งศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งในวันนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษา คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) ซึ่งอัยการสูงสุด และกรมการค้าต่างประเทศเป็นโจทก์ร่วมฟ้อง นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นจำเลยที่ 1 นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน รวม 28 ราย นายภูมิ ถูกตัดสินให้จำคุก 36 ปี ขณะที่ นายบุญทรง ถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 42 ปี ต่อมาวันที่ 7 กันยายน 2562 ศาลฎีกาฯ พิพากษาชั้นอุทธรณ์ ตัดสินให้เพิ่มโทษนายบุญทรงอีก 6 ปี เป็นจำคุกรวม 48 ปี และให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย เป็นเงินกว่า 97 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงานข่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง