เศรษฐา เรียกร้องจากซาอุฯ ให้ปล่อยตัวประกันในอิสราเอลไม่มีเงื่อนไข

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2023.10.20
กรุงเทพฯ
เศรษฐา เรียกร้องจากซาอุฯ ให้ปล่อยตัวประกันในอิสราเอลไม่มีเงื่อนไข นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC-ASEAN Summit) ในกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย วันที่ 20 ตุลาคม 2566
กระทรวงการต่างประเทศ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN- Gulf Cooperation Council Riyadh Summit - GCC) โดยได้เรียกร้องต่อเวทีนานาชาติให้ อิสราเอล-ปาเลสไตน์ยุติความรุนแรง และปล่อยตัวประกันโดยไม่มีเงื่อนไข

นายเศรษฐา เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ร่วมกับผู้นำชาติสมาชิกอาเซียนและคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน กาตาร์ คูเวต และโอมาน ระหว่างวันที่ 20-21 ตุลาคม 2566 และจะเข้าเฝ้าเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียด้วย

“ประเทศไทยเสียใจกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดความสูญเสีย และมีผู้เสียชีวิต ซึ่งรวมถึงคนไทยถึง 30 คน ซึ่งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันยุติความรุนแรง แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีโดยใช้การเจรจาต่อรอง การทูต ภายใต้พื้นฐานของการแก้ปัญหาระหว่างสองประเทศ นายกฯ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงในตะวันออกกลาง และปล่อยตัวประกันทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข” นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับที่ประชุม

การเรียกร้องของนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากการสู้รบระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอล ที่เริ่มขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 หรือวันซิมหัต โทราห์ (Simchat Torah) อันถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวยิว โดยกลุ่มฮามาสได้ยิงจรวดเข้าใส่ชายแดนภาคใต้ของอิสราเอล และใช้กำลังภาคพื้นดินเข้าโจมตี รวมทั้งจับกุมตัวประกันทั้งชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติ การโจมตียังดำเนินมาถึงปัจจุบัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ระบุว่า คนไทยอาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอลประมาณ 3 หมื่นคน ถึงปัจจุบัน มีคนไทยถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันเพิ่ม 2 คน ทำให้มีคนไทยถูกจับทั้งหมด 19 คน ผู้เสียชีวิต 30 คน และบาดเจ็บ 16 คน ขณะที่ปัจจุบัน มีแรงงานไทยได้กลับจากอิสราเอลแล้ว 1,685 ราย ด้วยเครื่องบินพาณิชย์และของรัฐบาล ขณะที่มีผู้ที่แสดงความประสงค์จะกลับประเทศในขณะนี้กว่า 8.4 พันราย

000_33YQ6ZR.jpg

ร่างของแรงงานไทย 8 ราย ที่เสียชีวิตจากการสู้รบระหว่างกลุ่มฮามาส-อิสราเอล ถึงประเทศไทยแล้วในเช้าวันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม 2566 (กระทรวงการต่างประเทศ)

ในวันเดียวกัน ร่างของแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากการสู้รบในอิสราเอล 8 ราย ถูกส่งกลับประเทศโดยสายการบิน El Al เที่ยวบินที่ LY083 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในช่วงเวลาประมาณ 07.30 น. ซึ่งมีนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ น.ส.ออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ไปร่วมรับร่าง โดยร่างทั้งหมดได้ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคคล และจะถูกนำส่งศพกลับภูมิลำเนาเพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา

รายชื่อร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกส่งกลับมาประกอบด้วย นายพงษธร ขุนศรี จ.นครราชสีมา, นายจรูญ ชาติดำดี จ.บุรีรัมย์, นายชัยรัตน์ สานุสันต์ และนายอนุชา โสภากุล จ.อุดรธานี, นายอานันต์ เพชรแก้ว จ.ชัยภูมิ, นายพงษ์พัฒน์ สุชาติ จ.ศรีสะเกษ, นายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ จ.ขอนแก่น และนายธนกฤจฒ์ ปรากฎวงษ์ จ.สุโขทัย

'ปาเลสไตน์พร้อมปล่อยตัวประกัน ถ้าอิสราเอลหยุดยิง'

ส่วนเรื่องการจับตัวประกันไทยในอิสราเอล นายซัยยิด เรซา โมบัดตี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย ได้แถลงข่าวที่โรงแรมอัลมีรอซ กรุงเทพฯ ระบุว่า รัฐบาลอิหร่านได้ขอร้องให้ปาเลสไตน์ปล่อยตัวประกันชาวไทย ซึ่งรัฐบาลปาเลสไตน์ได้รับปากจะดำเนินการ

“รัฐมนตรีของอิหร่านมีโอกาสได้พูดคุยกับ นายกรัฐมนตรีของปาเลสไตน์ Mohammad Shtayyeh ที่กาตาร์ เราได้ขอให้ปล่อยตัวประกันคนไทยและฟิลิปปินส์ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็รับปากว่า จะดำเนินการอย่างดีที่สุด และตอบรับว่าจะปล่อยตัว แต่ปัญหาคือ เขาไม่สามารถปล่อยตัวประกัน ขณะที่มีการโจมตีได้ ขณะนี้รัฐบาลไทยจึงควรเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปาเลสไตน์ นั่นเป็นทางที่จะทำให้ตัวประกันสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย” นายซัยยิด ระบุ

ด้าน นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แแทนราษฎร ได้ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลใช้ช่องทางทางการทูตและความมั่นคงช่วยเหลือตัวประกันคนไทยทั้งหมดให้เร็วที่สุด รวมทั้งเจรจาให้ประเทศไทยสามารถบินตรงข้ามประเทศไปรับแรงงานไทยในอิสราเอลได้ หลังจากที่หลายประเทศมุสลิมคว่ำบาตรห้ามเที่ยวบินตรงจากอิสราเอลบินผ่านน่านฟ้า หรือหาช่องทางเดินทางผ่านประเทศอื่น

ASEAN-GCC-3.jpg

อาคารที่ถูกทำลายในเมืองอัล-ซาห์รา ทางตอนใต้ของเมืองกาซา หลังจากอิสราเอลทิ้งระเบิดข้ามคืน ท่ามกลางการสู้รบที่ดำเนินอยู่ระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส วันที่ 20 ตุลาคม 2566 (บีลัล อัลซับบักห์/เอเอฟพี)

สำหรับท่าทีของนายเศรษฐาในเวทีนานาชาติ ดร. เอียชา การ์ตี นักวิจัยนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองว่า เป็นการเรียกร้องที่เหมาะสม แต่อาจถูกใช้โจมตีประเด็นการเมืองในประเทศได้

"ข้อเรียกร้องของเศรษฐาเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพราะมีแรงงานไทยเป็นตัวประกัน และเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของตัวประกัน ทั้งยังเป็นการแสดงจุดยืนด้านมนุษยธรรมในระดับนานาชาติ แต่การเรียกร้องนี้อาจส่งผลถึงการเมืองในประเทศ เพราะเป็นประเด็นที่อ่อนไหวและได้รับความสนใจจากคนไทย โดยเฉพาะคนมุสลิม ฉะนั้นข้อเสนอที่น่าจะปลอดภัยที่สุดคือ นายกฯ ควรพูดถึงเฉพาะความไม่สงบระลอกนี้ และสงวนท่าทีในประเด็นความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์” ดร. เอียชา กล่าว

เศรษฐาเข้าเฝ้าฯ มกุฎราชกุมาร

ในวันเดียวกัน นายเศรษฐา ยังได้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมหารือทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ

“นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในวิสัยทัศน์ของพระราชาธิบดี รวมถึงมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีฯ ที่ทรงวางรากฐาน นำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ โดยไทยยืนยันมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านต่าง ๆ ให้พัฒนายิ่งขึ้น” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ

นายชัย ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายยืนยันความตั้งใจในการส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ด้านการเมืองและการกงสุล, การลงทุน, ความมั่นคงและการทหาร, วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจและการค้า โดยไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดี-ไทย (Saudi-Thai Coordination Council - STCC) ครั้งที่ 1

“นายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาลซาอุดีอาระเบียที่ดูแลคนไทยกว่า 6,000 คน ที่อยู่ในซาอุดีอาระเบีย และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ซึ่งมีคนไทยเสียชีวิต บาดเจ็บ และถูกลักพาตัว ซึ่งซาอุดีอาระเบียรับที่จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับกุมตัว” นายชัย ระบุ

นายเศรษฐา ยังได้กล่าวถ้อยแถลงภายใต้แนวคิด Innovative Partnership for Sustainable Future (ความเป็นหุ้นส่วนสร้างสรรค์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน) ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ โดยสรุปว่า ไทยพร้อมส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างสองภูมิภาค โดยพร้อมเจรจาจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี (Thai-GCC FTA) เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และพร้อมเป็นครัวโลก และร่วมมือผลิตอาหารฮาลาล

ไทยยังพร้อมที่จะไปถึงเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผลักดันการผลิตพลังงานสะอาด และส่งเสริมให้เกิดสภาวะแวดล้อมในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งพร้อมกระชับความร่วมมือและความสัมพันธ์ในระดับประชาชน พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากชาติสมาชิก GCC สู่ภูมิภาคอาเซียน วางเป้าหมายให้มีนักท่องเที่ยวจากชาติสมาชิก GCC ให้เพิ่มขึ้น 2 เท่า จากเกือบ 3 แสนคน ภายใน 2 ปีข้างหน้า

คุณวุฒิ บุญฤกษ์ ในเชียงใหม่ ร่วมรายงาน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง