วิกฤติเอลนีโญ : อินเดียระงับส่งออกข้าว เสี่ยงกระทบความมั่นคงด้านอาหารในเอเชียอาคเนย์

“ข้าว” นับเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิตที่สำคัญในภูมิภาคนี้ คำว่า “กิน” ในภาษาของกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ มักมีความหมายว่า “กินข้าว”

ข้าวเป็นธัญพืชที่ให้พลังงานและสารอาหารที่สำคัญสำหรับผู้คนที่นี่ โดยข้าวเป็นอาหารหลักถึง 50-70 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณแคลอรีที่บริโภค นอกจากนี้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ของผลผลิตข้าวทั่วโลก

แต่ข้าวกำลังกลายเป็นอาหารที่ผู้คนหลายสิบล้านในเอเชียอาคเนย์เข้าไม่ถึง เพราะราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปลายปี 2565 จากการที่อินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกมีมาตรการห้ามส่งออกข้าว และปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศ “เอลนีโญ” ที่ทำให้ผลผลิตข้าวลดลง

โจเซฟ เกลาเบอร์ นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันวิจัยนโยบายอาหารระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตัน ระบุว่า หากราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจกลายเป็นวิกฤตการณ์ที่แท้จริงได้

“สำหรับประเทศที่ข้าวเป็นอาหารหลักและให้พลังงานแก่ประชากรจำนวนมาก เช่น ประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากราคาข้าวเพิ่มขึ้นสองหรือสามเท่า จะเป็นวิกฤตการณ์ความมั่นคงด้านอาหารที่แท้จริง” เกลาเบอร์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

การที่อินเดียห้ามส่งออกข้าวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมก่อนหน้า ทำให้ในช่วงหนึ่งของเดือนสิงหาคม ราคาข้าวขาวหัก 5 เปอร์เซ็นต์ของไทย ซึ่งเป็นข้าวเกณฑ์มาตรฐานของเอเชีย พุ่งสูงขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ที่มากกว่า 650 ดอลลาร์ (ราว 23,500 บาท) ต่อตัน หรือสูงขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ จาก 400 ดอลลาร์ (ราว 14,500 บาท) ในปลายเดือนพฤศจิกายน

SEA-Rice-pic-2-nasi-lemak.jpg

อาหารเช้าจานโปรดของมาเลเซีย คือ นาสิลามัก (ซ้าย) ซึ่งเป็นข้าวพร้อมเคื่องเคียง พร้อมอาหารจานข้างเคียงคือ ไก่เรนดัง ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในสุบังจายา ประเทศมาเลเซีย วันอังคารที่ 3 เมษายน 2561 (ซาดิค อาซีรัฟ/เอพี)

แม้ว่าราคาข้าวจะลดลงเล็กน้อยนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันกล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า ในระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี ราคาข้าวจะพุ่งขึ้นไปถึงอย่างน้อย 700-750 ดอลลาร์ต่อตัน (ราว 25,500 ถึง 27,400 บาท) และหากมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติม ราคาข้าวอาจสูงถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (ราว 36,500 บาท)

ในขณะเดียวกัน ผู้คนต่างเห็นว่าผลกระทบเต็มรูปแบบของเอลนีโญ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศที่มีสภาพอากาศรุนแรง จะไม่ปรากฏจนกว่าจะถึงปลายปีนี้ หรือต้นปี 2567

"แม้ว่าผลผลิตจะลดลงเพียง 5-10 เปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้ราคาเพิ่มขึ้น เพราะเรากำลังพูดถึงปริมาณที่มหาศาล" เกลาเบอร์ กล่าวเพิ่มเติม

แมรี่ แองจี้ ทาลิก ชาวฟิลิปปินส์วัย 29 ปี เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในกรุงมะนิลา ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านและอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดกับญาติ 10 คน ต้องลดการรับประทานอาหารของครอบครัวให้เหลือวันละมื้อเท่านั้น

"ราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นมากจนเราแทบจะซื้อไม่ไหวแล้ว เมื่อก่อนเราเคยกินข้าวสามมื้อต่อวัน แต่ตอนนี้เรากินเพียงวันละครั้งเท่านั้น บางครั้งก่อนเที่ยงหรือหลังเที่ยงเล็กน้อย” เธอกล่าวกับเบนาร์นิวส์

SEA-rice-pic-3.jpg
Workers unload sacks of rice imported from Thailand from a cargo ship at Malahayati Port in Krueng Raya, Indonesia's Aceh province, on June 22, 2023. (Photo by CHAIDEER MAHYUDDIN / AFP) (CHAIDEER MAHYUDDIN/AFP)

คนงานขนกระสอบข้าวที่นำเข้าจากประเทศไทย จากเรือบรรทุกสินค้าที่ท่าเรือมาลาฮายาติ จังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 22 มิถุนายน 2566 (ไชเดีย มาห์ยุดดิน/เอเอฟพี)

มาตรการระงับส่งออกข้าวของอินเดีย คือต้นตอปัญหา

ราคาข้าวในฟิลิปปินส์พุ่งสูงขึ้น 8.7 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนสิงหาคม จาก 4.2 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนกรกฎาคม และเพื่อรับมือกับการพุ่งสูงขึ้นของราคาข้าว ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์คอส จูเนียร์ ได้ประกาศตรึงราคาข้าวปกติและข้าวขัดสีที่ 41 เปโซ และ 45 เปโซ (26 และ 29 บาท) ต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน

แม้จะดูเหมือนว่าฟิลิปปินส์จะไม่ได้รับผลกระทบจากการห้ามส่งออกข้าวของอินเดีย เนื่องจากนำเข้าข้าวส่วนใหญ่จากเวียดนาม ซึ่งในปี 2565-2566 เวียดนามเป็นแหล่งที่มาของการนำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์ถึง 90 เปอร์เซ็นต์

แต่จากมาตรการของอินเดีย ผู้ส่งออกข้าวทั่วโลกได้หันไปซื้อข้าวจากประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดสองประเทศถัดไป นั่นคือไทยและเวียดนาม ทำให้ราคาส่งออกข้าวของสองประเทศนี้พุ่งสูงขึ้นถึงระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ตามที่กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) ระบุในรายงาน “ธัญพืช : ตลาดโลกและการค้า” ฉบับเดือนกันยายน

ราคาข้าวที่ส่งออกจากไทยและเวียดนามพุ่งสูงขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่การห้ามส่งออกข้าวของอินเดีย ตามรายงานของรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม

และเมื่อเผชิญกับปรากฏการณ์เอลนีโญที่กำลังจะเกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลผลิตข้าวในภูมิภาคอาจลดลงต่อไป ซึ่งอาจทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นยิ่งไปอีก

ปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่แห้งแล้งกว่าปกติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา ได้เกิดขึ้นพร้อมกันหรือก่อนช่วงเวลาที่ราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นโดยตรง ตามความคิดเห็นของ BMI บริษัทในเครือ Fitch Solutions ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยที่วิเคราะห์เศรษฐกิจครอบคลุม 29 อุตสาหกรรมทั่วโลก

SEA-rice-pic-4.JPG
A view of a dry paddy field during hot weather in Indramayu A view of a dry paddy field during hot weather in Indramayu, West Java province, Indonesia, July 25, 2023, in this photo taken by Antara Foto. Antara Foto/Dedhez Anggara/via REUTERS ATTENTION EDITORS - THIS IMAGE HAS BEEN SUPPLIED BY A THIRD PARTY. MANDATORY CREDIT. INDONESIA OUT. NO COMMERCIAL OR EDITORIAL SALES IN INDONESIA. (ANTARA FOTO/via REUTERS)

นาข้าวแห้งแตกระแหงในช่วงอากาศร้อนจัด ในเมืองอินดรามายู ทางชวาตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 25 กรกฎาคม 2566 (เด็ดเฮซ อังการา/อันทารา โฟโต/รอยเตอร์)

อุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ได้ส่งผลกระทบต่อพืชผลภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ราคาข้าวได้พุ่งสูงขึ้นแม้ในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ โดยราคาข้าวในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 14.5 ถึง 16 บาทต่อกิโลกรัม จาก 13 ถึง 14.5 บาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ในประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ เช่น เวียดนามและไทย ผลผลิตข้าวที่ลดลงส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

ไพรัช ปุริทัง ชาวนาในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นเจ้าของนาข้าว 10 ไร่ กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่าเขาไม่แน่ใจว่าจะคุ้มทุนในปีนี้หรือไม่

“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เราไม่สามารถคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนและควบคุมต้นทุนได้ ปีนี้ผมต้องลงเมล็ดข้าวสองครั้งเพราะภัยแล้ง” ไพรัช ระบุ

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบเต็มรูปแบบของปรากฏการณ์เอลนีโญยังไม่เกิดขึ้น

เอลิซา ลูเธอร์ และ พอล เทง จากโครงการความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบุในบทความของสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค ในสิงคโปร์ ว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญอาจ “รุนแรงมาก” ในช่วงปลายปีนี้

"ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นซึ่งมักเกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาที่แห้งแล้ง ภัยแล้งและคลื่นความร้อนอาจกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปรากฏการณ์เอลนีโญ" ส่วนหนึ่งใน บทความระบุ

ในบทความระบุด้วยว่า เขตปลูกข้าวสำคัญทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากฤดูเพาะปลูกข้าวในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ

“ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าผลผลิตข้าว โดยเฉพาะผลผลิตข้าวในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ จะลดลงอันเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ” ส่วนหนึ่งจากบทความ

SEA-rice-pic-5.jpg
This photo taken on July 1, 2023 shows a farmer planting rice on a paddy field at sunset in Hanoi. For countless farmers in north and central Vietnam, planting in the dark has become a saviour during increasingly hot summers as South and Southeast Asia nations battle record-high temperatures this year. (Photo by Nhac NGUYEN / AFP) / To go with 'VIETNAM-RICE-CLIMATE,SCENE' by Tran Thi Minh Ha (NHAC NGUYEN/AFP)

ชาวนาปลูกข้าวในเวลาพระอาทิตย์ตกดิน เช่นเดียวกับชาวนาอีกนับไม่ถ้วนในภาคเหนือและภาคกลางของเวียดนาม ปลูกข้าวขณะยังมืด ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ฮานอย วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 (เอเอฟพี)

ภัยแล้งที่เกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญคาดว่าจะทำให้ผลผลิตข้าวในประเทศไทยลดลง 5.6 ถึง 6 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว ตามข้อมูลของกรมการข้าวและ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ซึ่งการลดลงดังกล่าวจะส่งผลให้ผลผลิตข้าวลดลงเหลือ 25.1 ล้านถึง 25.6 ล้านตัน

รายงานกสิกรไทยยังระบุอีกว่า ผลผลิตอาจลดลงมากขึ้นอีก ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปรากฏการณ์เอลนีโญ

หกสัปดาห์ข้างหน้า 'สำคัญอย่างยิ่ง'

ปีเตอร์ ทิมเมอร์ ศาสตราจารย์กิตติคุณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ปรึกษาด้านนโยบายอาหารและการพัฒนาการเกษตร โดยมีสาขาเชี่ยวชาญในการปรับราคาข้าว เขาได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ตั้งแต่ยุค 1970 แล้ว (ราวปี 2513 เป็นต้นมา)

ทิมเมอร์กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า สถานการณ์ข้าวอาจจะชัดเจนขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่เขาระบุว่าสำคัญอย่างมาก

“ถึงตอนนั้น เราจะได้รู้ว่าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์กำลังเผชิญกับวิกฤตราคาข้าวอย่างไร และเราจะได้ทราบเช่นกันว่าผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญจะยืดเยื้อหรือไม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดแคลนข้าวที่ยาวนานและรุนแรงขึ้น" ทิมเมอร์ ระบุ

เกลาเบอร์ จากสถาบันวิจัยนโยบายอาหารระหว่างประเทศ ระบุเช่นกันว่า หกสัปดาห์ข้างหน้าจะช่วยบ่งชี้ถึงสิ่งที่ผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ เช่น ไทยและเวียดนาม กำลังวางแผนไว้ด้วยเช่นกัน

"ในช่วงหกสัปดาห์ข้างหน้า เราจะได้เห็นว่าสถานการณ์จะดีหรือไม่ เช่น เอลนีโญที่ไม่รุนแรง ฤดูมรสุมปกติ หรือฤดูมรสุมที่สิ้นสุดเร็วกว่ากำหนด สิ่งที่หวังว่าจะไม่เกิดขึ้นคือการดำเนินการเพิ่มเติมที่คล้ายกับอินเดีย จากประเทศไทยและเวียดนาม เพราะแบบนั้นอาจทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นมาก” เกลาเบอร์ ระบุ

ประเทศอย่างอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศเพื่อนบ้าน มาเลเซีย ซึ่งผลิตข้าว แต่ก็ต้องนำเข้าเพราะไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ได้รับผลกระทบจากทั้งการขาดแคลนผลผลิตอันเนื่องมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และการห้ามส่งออกของอินเดีย

ในเดือนกันยายน ราคาข้าวในอินโดนีเซียสูงขึ้น 16 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2565

SEA-rice-pic-6.jpg
A man sells rice cakes, a common dish to celebrate Eid al-Fitr which marks the end of the holy fasting month of Ramadan, at a traditional market in Bogor on April 30, 2022. (Photo by ADITYA AJI / AFP) (ADITYA AJI/AFP)

พ่อค้าขายข้าวต้มมัด อาหารที่ใช้รับประทานในวันตรุษอีฎิ้ลฟิตริ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดรอมฎอน ที่ตลาดในเมืองโบกอร์ ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 30 เมษายน 2565 (อดิตยา อาจิ/เอเอฟพี)

อันนาห์ วัย 38 ปี แม่บ้านในเมืองซูคาบูมี ชวาตะวันตก ได้ลดปริมาณโปรตีนสำหรับครอบครัวใหญ่ของเธอที่มี 6 คนลง เนื่องจากสามีของเธอซึ่งเป็นแรงงานชั่วคราวที่ติดตั้งหลังคาเหล็กน้ำหนักเบา ไม่ได้มีงานทำตลอดเวลา

“เราไม่สามารถทดแทนข้าวด้วยอาหารอื่น ๆ ได้ เพราะข้าวเป็นอาหารหลักของเรา และเราก็ไม่สามารถลดการบริโภคได้ด้วยเช่นกัน” อันนาห์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ในมาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งผลิตข้าวในประเทศได้ 70 เปอร์เซ็นต์ ของอุปทานข้าวในหนึ่งปี ผู้คนกำลังประสบปัญหาในการหาข้าวในท้องถิ่น

อิสมาอิล ซัลเลห์ ประธานองค์การพัฒนาการเกษตร (MADA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐบาลมาเลเซียที่ดูแลการเพาะปลูกทั่วประเทศ กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า การผลิตข้าวในท้องถิ่นไม่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์อากาศที่รุนแรง

ถึงกระนั้น ข้าวท้องถิ่นก็ไม่สามารถหาซื้อได้ตามชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ต

โมฮัมหมัด ซาบู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและความมั่นคงทางอาหารมาเลเซีย ยอมรับว่ามีข้าวท้องถิ่นขาดแคลน แต่โทษว่าเป็นเพราะการกักตุนสินค้าของผู้บริโภคที่เห็นว่าราคาข้าวนำเข้าเพิ่มขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์

"การขาดแคลนของข้าวเจ้าท้องถิ่นในตลาดทั่วประเทศเกิดขึ้นเนื่องจากการความตื่นตระหนกจากการที่ผู้บริโภคหันมาซื้อข้าวเจ้าท้องถิ่นหลังจากที่ราคาข้าวนำเข้าพุ่งสูงขึ้น" ซาบู กล่าวกับเบนาร์นิวส์

SEA-rice-pic-7.JPG
Thais race water buffaloes to mark the start of rice cultivation season amid El Nino-induced drought warning Jockeys compete in Chonburi's annual buffalo race festival, Chonburi province, Thailand, August 6, 2023. REUTERS/Athit Perawongmetha (ATHIT PERAWONGMETHA/REUTERS)

จ๊อกกี้แข่งวิ่งควายในประเพณีวิ่งควายประจำปีของจังหวัดชลบุรี วันที่ 6 สิงหาคม 2566 (อธิษฐ์ พีระวงศ์เมธา/รอยเตอร์)

ในทางกลับกัน ชาฮาร์ดี อับดุลเลาะห์ ชาวนาในรัฐปะลิสของมาเลเซีย กล่าวว่าสภาวะเอลนีโญส่งผลต่อการเก็บเกี่ยวของเขา

“ตอนนี้ก็เดือนกันยายนแล้ว แต่ผมยังเก็บเกี่ยวข้าวไม่ได้ ซึ่งปกติจะเก็บเกี่ยวในเดือนสิงหาคม เราล่าช้าไปสองเดือนเนื่องจากฤดูแล้งที่ยาวนาน ซึ่งกินเวลาจนถึงเดือนมิถุนายน” ชาฮาร์ดี กล่าวกับเบนาร์นิวส์

"ปกติแล้วผมสามารถผลิตข้าวได้สองตันในทุกฤดูเก็บเกี่ยว และมีรายได้ประมาณ 2,500 ริงกิต (ราว 19,500 บาท) อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ผมไม่แน่ใจมากนัก มันอาจจะน้อยกว่าที่เคยเป็นมา" ชาฮาร์ดี ระบุ

ข้าวคือ 'อาหารของคนจน'

ก่อนการระบาดของโควิด-19 ในปี 2561 มีประชาชนมากกว่า 73 ล้านคน หรือ 11 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรเกือบ 654 ล้านคนในประเทศสมาชิกอาเซียน อาศัยอยู่ในความยากจนข้นแค้น ตามรายงานขององค์การอ็อกแฟม ซึ่งเป็นกลุ่มบรรเทาความยากจนระหว่างประเทศ

ตัวเลข 73 ล้านคนดังกล่าวไม่รวมถึงผู้คนที่อาจอยู่เหนือเส้นความยากจน แต่ยังเปราะบางทางเศรษฐกิจ เนื่องจากธนาคารโลกนิยามผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนว่า เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยรายได้น้อยกว่า 2.15 ดอลลาร์ต่อคนต่อวัน (ราว 75 บาท) และมีผู้คนที่เข้าร่วมกลุ่มนี้หลายล้านคนในระหว่างและหลังการระบาดใหญ่ เนื่องจากเศรษฐกิจพยายามฟื้นตัว

ด้วยตัวเลขดังกล่าว อัตราเงินเฟ้อของข้าวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจนำไปสู่ปัญหาความมั่นคงทางอาหารที่รุนแรง เพราะไม่เพียงแต่เป็นอาหารหลักของภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่คนยากจนพึ่งพาเพื่อการยังชีพอีกด้วย ทิมเมอร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าว

ศาสตราจารย์ทิมเมอร์ จากฮาร์วาร์ด กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยตัวเลขดังกล่าวการเพิ่มขึ้นของราคาข้าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถนำไปสู่ปัญหาความมั่นคงด้านอาหารที่ร้ายแรง เพราะไม่เพียงแต่ว่ามันเป็นอาหารหลักของภูมิภาคนี้เท่านั้น แต่มันยังเป็นที่พึ่งพาสำหรับคนยากจนในการดำรงชีวิตด้วย

“ข้าวเป็นอาหารหลักของคนจนในเอเชียและอาฟริกา การเพิ่มขึ้นของราคาข้าวจะส่งผลให้เกิดความหิวโหยอย่างแพร่หลาย แม้ว่าประชากร 10 เปอร์เซ็นต์ ของอาเซียนจะยากจน แต่เรากำลังพูดถึงปัญหาร้ายแรง ความอดอยากในระดับที่กว้างขวาง” ทิมเบอร์ ระบุทิ้งท้าย

นนทรัฐ ไผ่เจริญ ในกรุงเทพฯ , เตรีย ดิอานติ ในจาการ์ตา, อิลี ชาซวานี และมุซลิซา มุสตาฟา ในกัวลาลัมเปอร์ และโจโจ ไรโนซา ในกรุงมะนิลา ร่วมรายงาน