เปิดเปลือยโลกเบื้องหลังและชีวิตที่ต้องฟันฝ่าของสาวบริการ
2024.10.31
กรุงเทพฯ
“ไม่มีใครภูมิใจมาทำงานอาชีพนี้หรอก แต่ทำไงได้ ความรู้เรามีแค่นี้ แต่เราก็ปลูกบ้านให้พ่อแม่ได้ ส่งน้อง ส่งหลานเรียนได้ ได้ช่วยเหลือญาติพี่น้องเรา เขาไม่รู้หรอกว่าเราได้เงินมาจากการทำงานแบบไหน เขาดีใจ เราก็ดีใจกับเขาด้วย มันทำให้เรามีความสุขมาก” แวว เล่าให้เบนาร์นิวส์ฟัง
แวว เป็นชาวเชียงราย อายุ 59 ปี เธอเล่าว่า เธอเป็นพนักงานบริการมาแล้วเกือบ 30 ปี จากการชักชวนของเพื่อน ด้วยความที่บ้านมีฐานะยากจน การศึกษาไม่สูง เลยจำเป็นต้องเลือกอาชีพนี้ เธอได้เงินประมาณ 300-400 บาท ต่อการบริการลูกค้าหนึ่งคน ในหนึ่งวันเธอมีลูกค้า 4-5 คน เริ่มงานตั้งแต่เวลาเที่ยงวัน แล้วเลิกงานช่วงดึกก่อนที่รถประจำทางจะหมด
สหพันธ์ผู้ขายบริการทางเพศนานาชาติ (International Union of Sex Workers) ประเมินว่า ไทยมีพนักงานบริการทางเพศ (Sex Worker) กว่า 250,000 แสนคน อยู่ในอันดับ 8 ของโลก แต่อาชีพนี้กลับผิดกฎหมาย พนักงานบริการทางเพศไม่ได้รับการคุ้มครองแบบแรงงานทั่วไป และไม่มีสวัสดิการ
“เฉลี่ยพนักงานบริการหนึ่งคน ดูแลคนข้างหลัง 5 คน เท่ากับพนักงานบริการ 300,000 คน ทั่วประเทศ ดูแลคนข้างหลังเป็นล้านคน มีส่วนในการขยายจีดีพี แต่อาชีพนี้กลับไม่ถูกกฎหมาย สิ่งที่เราเรียกร้องจึงเป็นการทำให้อาชีพนี้ถูกกฎหมาย และมีกฎหมายคุ้มครองในฐานะแรงงานเหมือนอาชีพทั่วไป” ทันตา เลาวิลาวัณยกุล ผู้ประสานงาน มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ (Empower Foundation) กล่าว
อาชีพพนักงานบริการทางเพศ เป็นอาชีพเก่าแก่ที่มีในประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในปี 2411 รัฐบาลออกกฎหมายเพื่อเก็บภาษีบำรุงถนน โดยให้ผู้ค้าบริการทางเพศจ่ายภาษี สำหรับการนำไปสร้างถนนเพื่อขยายเมือง ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลรับรู้ว่ามีอาชีพค้าบริการทางเพศอยู่จริงและถูกกฎหมาย
แต่เมื่อสหประชาชาติ (United Nations - UN) ให้ความสำคัญในการปกป้องผู้หญิงและเด็ก รัฐบาลจึงได้ตรา พรบ. ปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 ทำให้อาชีพขายบริการทางเพศมีความผิดทางอาญา แม้เวลาผ่านมากว่า 60 ปี รัฐเปลี่ยนมาใช้ พรบ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 แทนกฎหมายเดิม แต่อาชีพนี้ก็ยังผิดอยู่
“ทุกวันนี้ กฎหมายทำให้พนักงานบริการอยู่ในสถานะไม่ต่างจากอาชญากร แม้จะทำงานอยู่ในสถานบริการที่ถูกกฎหมาย แต่พนักงานบริการกลับเป็นคนทำผิด และไม่มีสถานะลูกจ้าง มันเป็นเรื่องน่าตลก ถ้าเราถูกจับดำเนินคดี เราก็มีสถานะเป็นอาชญากร ไปสมัครงานที่อื่นไม่ได้ เท่ากับว่าเราเลิกอาชีพนี้ไม่ได้ ถูกขังโดยไม่มีอนาคต” ทันตา กล่าว
งานบริการทางเพศคืออาชีพ
วันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา กลุ่มพนักงานบริการบาร์, อะโกโก, อาบอบนวด และคาราโอเกะ นัดทำกิจกรรม “ฉันมาทวงกฎหมายของฉันคืน” SEX WORK IS WORK เพื่อเรียกร้องต่อ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการจัดทำ ร่าง พรบ.คุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ ให้เสร็จสมบูรณ์ หลังจากที่ ร่างกฎหมายที่ประชาชนร่วมกันลงชื่อถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐตั้งแต่ปี 2566
“มีครั้งนึง ลูกค้าประจำคนหนึ่งมาใช้บริการกับเรา ขอเลี้ยงเบียร์ เราบริการกันไปจนเสร็จกิจก็แยกย้าย ปรากฏว่าโทรศัพท์เราหาย คิดว่าถูกขโมยตอนที่เราไปเข้าห้องน้ำ พอเราไปแจ้งความ ตำรวจบอกว่าจะปรับเรา 1,000 บาท แลกกับการไม่ต้องติดคุก เราถามว่า ปรับเราทำไม ตำรวจบอกว่า เพราะเราขายบริการ แต่เราไม่ใช่ผู้ร้ายนะ เพราะสองคนสมยอมกัน” มะนาว พนักงานบริการทางเพศ-แม่เลี้ยงเดี่ยว เล่าประสบการณ์ให้เบนาร์นิวส์ฟัง
มะนาว คลองหลอด ประกอบอาชีพพนักงานบริการมาตั้งแต่อายุ 28 ปี ปัจจุบันเธออยู่ในอุตสาหกรรมนี้กว่า 20 ปี เธอเปิดเผยว่า แม้มันจะเป็นอาชีพที่มอบหลายอย่างให้กับเธอ แต่ก็นำพาเธอไปอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายหลายครั้งเช่นกัน
“เพื่อนเราหลายคนโดนตำรวจล่อซื้อ แล้วก็ต้องไปเสียค่าปรับที่โรงพัก บางครั้งก็มีพวกนอกเครื่องแบบมาขอเงินกันดื้อ ๆ 500 บาท ถ้าไม่มีก็ต้องผ่อนเอา บางคนก็ขอหลับนอนแลกด้วยการที่เราจะได้ไม่ต้องจ่ายตังค์ เราก็เถียงอะไรเขาไม่ได้ เพราะต้องหางาน เลี้ยงดูคนข้างหลัง เราก็ต้องยอม ๆ จบ ๆ กันไป เพราะไม่อยากมีปัญหา” มะนาว กล่าว
มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (Service Workers in Group Foundation - SWING) เสนอว่า หากกระบวนการร่าง พรบ. คุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ ต้องใช้เวลา รัฐบาลควรที่จะมีกฎกระทรวงเพื่อคุ้มครองลูกจ้างในสถานบริการออกมาใช้ชั่วคราว ระหว่างรอการยกเลิกกฎหมายเดิม และทำกฎหมายใหม่
“พรบ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี เป็นกฎหมายที่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มาก ๆ เพราะคนที่ทำงานตรงนี้เลือกด้วยความสมัครใจ ใช้เนื้อตัวร่างกายของตัวเอง แต่กฎหมายนี้เปิดโอกาสให้ผู้บังคับใช้กฎหมายที่ไม่สุจริตเอาเปรียบ และมาหาประโยชน์จากเขา โดยที่เขาไม่สามารถต่อสู้” สุรางค์ จันทร์แย้ม ผู้ก่อตั้ง และผู้อำนวยการ SWING กล่าว
ก่อนหน้านี้ ในงาน Pride Month เดือนมิถุนายน 2567 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ยืนยันต่อผู้ร่วมงานว่า จะผลักดันให้อาชีพบริการทางเพศเป็นที่ยอมรับ และมีสิทธิเข้าถึงสวัสดิการต่าง ๆ พนักงานบริการทั่วประเทศจึงเต็มไปด้วยความหวัง
“ทุกวันนี้ เราออกไปยืนทำงาน เราก็อายนะ แต่ขอให้อย่ามาดูถูกเราเลย เราก็ทำงานของเรา เหนื่อยเหมือนกัน ต้องเจอลูกค้าสารพัดอย่าง ถ้าอาชีพนี้มันถูกกฎหมายก็ดี มีสวัสดิการ มีประกันสังคม เหมือนคนทั่วไป เหมือนคนทำงานบริษัท คนก็คงจะยอมรับว่า เราทำงานสุจริต คนก็น่าจะเข้าใจอาชีพเรามากขึ้น” แวว กล่าว