ชาวพุระกำ… วิถีชีวิตที่อาจถูกกลืนใต้อ่างเก็บน้ำ
2023.02.17
กรุงเทพฯ
ชาวบ้านพุระกำ ถูกโยกย้ายจากหมู่บ้านเก่าที่อยู่ในป่าใกล้ชายแดนไทย-พม่า มาอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี ในเขตอำเภอสวนผึ้ง ราชบุรี เพราะรัฐไม่ต้องการให้ทำไร่เลื่อนลอย ตอนนี้กำลังประสบปัญหาต้องโยกย้ายถิ่นอีกครั้ง เพราะกรมชลประทานประกาศว่าจะสร้างอ่างเก็บน้ำหนองตาดั้ง ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ป่าและที่ทำกินของชาวบ้านพุระกำกว่า 2,000 ไร่ แต่ทั้งหมดยังประกอบอาชีพที่ไม่กระทบต่อผืนป่าและทำกิจกรรมที่ช่วยรักษาทรัพยากรไปด้วย
จากคำบอกเล่าของชาวบ้านต่อสื่อท้องที่ กรมชลประทานเริ่มส่งเจ้าหน้าที่ลงมาสำรวจแปลงที่ดินทำกินของชาวบ้าน และเก็บข้อมูลอื่น ๆ เมื่อต้นเดือนกันยายน 2563 ต่อมาเมื่อต้นเดือนเมษายน 2565 ชาวบ้านชุมชนพุระกำและบ้านหนองตาดั้ง ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อคัดค้านโครงการดังกล่าว
ตามเอกสารการประเมินผลกระทบของสิ่งแวดล้อมที่กรมชลประทานทำเรียบร้อยแล้ว แต่ยังชะลอการก่อสร้างโครงการไว้ ชาวบ้านประมาณ 77 ครัวเรือน ที่ย้ายมาจากบ้านใจแผ่นดิน ในวนอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพชรบุรี เมื่อ 30 ปีก่อน กำลังจะถูกย้ายอีกครั้งไปอยู่ในพื้นที่อพยพแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่เสื่อมโทรมจากการทำเหมืองดีบุกในอดีต หลายฝ่ายมีความกังวลกับสารเคมีปนเปื้อนที่ตกค้างอยู่ในแหล่งน้ำ และผืนดินที่มีแต่ทรายไร้ธาตุอาหาร นอกจากนั้น ชาวบ้านยังต้องสูญเสียพืชพันธุ์เดิม และได้เงินชดเชยไม่คุ้มค่า
“คนของกรมชลประทานบอกว่า ต้นทุเรียนของผมที่ปลูกมา 10 ปี มีค่าต้นละไม่เกิน 500 บาทหรอก” มีชัย กัวพู้ พูดถึงเมื่อครั้งที่คนของกรมชลประทานมาสำรวจประเมินพื้นที่
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี ในเขตอำเภอสวนผึ้ง ราชบุรี เป็นส่วนหนึ่งของป่ามรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน สัตว์ป่าในพื้นที่รอบหมู่บ้านยังคงชุกชุม ทั้งเก้ง กวาง เลียงผา วัวแดง กระทิง และในป่าพุระกำนี้ ยังพบเห็นสมเสร็จสัตว์ป่าหายาก อีกด้วย
เมื่อชาวบ้านพุระกำได้ถูกโยกย้ายมาอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี พวกเขาได้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตจากการทำไร่หมุนเวียนสู่การทำไร่ถาวรภายใต้กฎหมายอนุรักษ์ป่า โดยการจัดสรรที่ดินใหม่ถูกกำหนดโดยการจับสลาก ใครโชคดีก็จะได้แปลงที่ดินดี ใครโชคร้ายหน่อยก็จะได้พื้นที่สูงชายเขาและอาจจะเป็นพื้นดินผสมหินเป็นส่วนใหญ่
ที่นี่ พวกเขาไม่สามารถปลูกข้าวไร่แบบเดิมได้ แต่จะหันมาปลูกพืชผัก เช่น ผักหวานป่า ผักกูด รวมทั้งไม้ผลต่าง เช่น ทุเรียน เงาะ มะม่วง อะโวคาโด เพื่อบริโภคและส่งขายตลาด ไม่ยุ่งเกี่ยวบุกรุกแผ้วถางอีกต่อไป ทั้งยังคอยปกป้องรักษาผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ที่เป็นแหล่งต้นน้ำที่มอบชีวิตให้พวกเขา
ชาวบ้านพุระกำ ยังทำงานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งป่าและลำน้ำ ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอย่างใกล้ชิด ทั้งการสำรวจแนวเขต การเก็บข้อมูล การจัดการไฟป่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้บางคนก็เป็นลูกหลานชาวพุระกำ การดำเนินงานร่วมกันจึงไม่มีปัญหามากนัก อีกทั้งทั้งสองฝ่ายเห็นว่า “คนกับป่า” อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว
แต่ตอนนี้ โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำหนองตาดั้งจากภาครัฐ กำลังท้าทายชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทำกินอันอุดมสมบูรณ์และพื้นที่ป่าอนุรักษ์หลายพันไร่ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสัตว์ป่า
ชาวบ้านพุระกำจะต้องโยกย้ายถิ่นฐานไปอีกกี่ครั้ง กว่าจะได้ใช้ชีวิตที่ลงตัวอย่างทุกวันนี้
“เวลาจะขอสร้างถนน ขอไฟฟ้า หรือพัฒนาสาธารณูปโภคต่าง ๆ ช่างยากเย็นเหลือเกิน ติดทั้งกฎหมายอนุรักษ์ กฎหมายความมั่นคง แต่เวลาจะสร้างเขื่อนที่ทำลายป่าเป็นพัน ๆ ไร่ ทำไมถึงทำได้” เปเล่ กัวพู้ พูดทิ้งท้าย