‘กริช’ ศัสตราวุธเอกลักษณ์ปักษ์ใต้ เหลือเป็นเพียงของสะสมคุณค่าสูง

ช่างศิลป์ทำกริชและอาวุธมีดลดน้อยถอยลงไปตามกาลเวลา
วัจนพล ศรีชุมพวง
2023.07.18
ภาคใต้
05 krish-ancient.jpg

กริชโบราณ ใบงอ 7 คต แบบดั้งเดิมตามรูปลักษณ์มลายู ในมือของราชครูโนราขณะกำลังทำพิธีกรรมโรงครู ในจังหวัดพัทลุง ใบกริช 7 คต เป็นกริชแสดงถึงสถานะของคนระดับชั้นนายกองหรือข้าราชการชั้นสูงในอดีต วันที่ 13 พฤษภาคม 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

06 krish-ancient.jpg

ลุงเชย ทองงาม เป็นช่างชั้นครูในจังหวัดตรัง มีความถนัดในการทำอาวุธมีดหลากหลายรูปแบบ รวมถึง กริชแบบมลายู ลุงเชย มีต้นกระกูลมาจากช่างเหล็กตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 วันที่ 7 พฤษภาคม 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

11 krish-ancient.jpg

ด้ามกริชและด้ามมีดโบราณ มักถูกสร้างให้มีลวดลายที่บ่งบอกความหมายต่าง ๆ เช่น ยักษ์ เทวดา หรือรูปสัตว์ เป็นต้น ที่นำมาใช้ในพิธีต่าง ๆ จังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

16 krish-ancient.jpg

โนราราชครูในจังหวัดนครศรีธรรมราช ใช้มีดเชียงหรือกริชโบราณลงอาคม ในการตัดสายสิญจน์ในพิธีกรรมสำคัญของโรงครูเพื่อให้ถือว่าความสัมพันธ์ในการติดต่อทางวิญญาณได้สิ้นสุดลง วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

17 krish-ancient.jpg

โนราราชครูจะมีมีดเชียงหรือกริชโบราณลงอาคม ติดตัวไว้เสมอ ในขณะทำการแสดงโนราโรงครู นครศรีธรรมราช วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

20 krish-ancient.jpg

มีดพกติดตัวของช่างเชย ทองงาม ผลงานของช่างเชยมีตั้งแต่กริชแบบโบราณ พร้าโบราณ และแบบสร้างขึ้นใหม่ ทั้งมีดพร้า มีดเชียง เป็นต้น จังหวัดตรัง วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

26 krish-ancient.jpg

ลวดลายบนใบมีดเกิดจากกรรมวิธีที่ต้องใช้ความชำนาญในเชิงช่างอย่างมาก และยังช่วยสร้างมูลค่าราคาให้แก่กริชเล่มนั้น ๆ อีกด้วย จังหวัดตรัง วันที่ 17 มิถุนายน 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

31 krish-ancient.jpg

ศิวนาถ ขาวงาม ช่างตีเหล็กเชี่ยวชาญการทำมีดกริชและศัสตราวุธในแบบโบราณ ในจังหวัดตรัง ตีแผ่นเหล็กขึ้นรูปกริช ตามขนบธรรมเนียมในการทำอาวุธแบบดั้งเดิมของภาคใต้ วันที่ 16 มิถุนายน 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

33 krish-ancient.jpg

ช่างตีมีดต้องนำเหล็กเข้าเตาไฟที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส จนแท่งเหล็กร้อนกลายเป็นสีแดง และพร้อมให้ตีเปลี่ยนรูปทรงได้ในช่วงเวลาไม่กี่นาที จังหวัดตรัง วันที่ 16 มิถุนายน 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

ลุงเชย ทองงาม ประกอบอาชีพช่างตีเหล็กมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 โดยตัวของลุงเชยเองนับเป็นช่างตีเหล็กรุ่นที่ 3 มีความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์เครื่องโนรา หัวกริช มีดเหน็บ มีดปลายเชียง เขาถูกยกย่องในฐานะช่างทำกริชชั้นครูของเมืองตรัง ผู้มีฝีมือปราณีตงดงาม

กริช คือ มีดสั้นสองคมที่มีใบมีดคล้ายลูกคลื่น มีด้ามจับทำด้วยไม้สลักลวดลาย ในอดีต กริชนอกจากถูกใช้เป็นอาวุธแล้ว สำหรับชาวมาเลเซีย อินโดนิเซีย และคนไทยในพื้นที่ภาคใต้ มันยังทำหน้าที่เป็นวัตถุบ่งบอกสถานะทางสังคม และเหตุร้ายดีในชีวิตของเจ้าของ แต่ความแพร่หลายได้หายไป เหลือเพียงว่าเป็นของมีมูลค่าของนักสะสมที่มีฐานะ

“ปัจจุบัน ยังมีผู้นิยมสะสมอาวุธโบราณ ในฐานะของเก่าคุณค่าสูง ความนิยมไม่ใช่เฉพาะกริช แต่ยังรวมไปถึง ดาบ พร้า หอก ปังตอ ขวาน ไอเชียง ธนู และอื่น ๆ แม้แต่ละยุคสมัย วัสดุที่นำมาตีอาวุธจะเปลี่ยนไป แต่กลิ่นอายของวัฒนธรรมมลายูยังคงปรากฏให้เห็นบนลวดลายของอาวุธ และเรื่องเล่าของผู้ครอบครอง” ลุงเชย ช่างตีเหล็ก วัย 93 ปี ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์ ก่อนที่จะเสียชีวิตลงไปเมื่อเร็ว ๆ นี้

ตีพะลี อะตะบู ช่างศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญการทำกริชจาก อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เล่าถึงประวัติของกริชว่า ตามความเชื่อศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มนุษย์ไม่สามารถปกครองมนุษย์ด้วยกันเองได้ จึงใช้กริชเป็นสัญลักษณ์ของเทพพราหมณ์ เพื่อให้ผู้ที่อยู่ใต้ปกครองเคารพนับถือบูชา รูปสลักบนกริชจึงเป็นรูปเทพต่าง ๆ แต่หลังศตวรรษที่ 19 เมื่อคนในพื้นที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามที่มีพระเจ้าองค์เดียว และไม่มีเทพเจ้าอื่นใด ทำให้ศิลปะบนกริชต้องเปลี่ยนตาม

“ยุคเจ้าเมืองปาตานีขึ้นครองราชย์ ลักษณะของหัวกริชดั้งเดิมที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของเทพ ต้องปรับเปลี่ยนไปใช้เป็นรูปสัตว์ เพื่อมิให้ขัดกับหลักทางศาสนาอิสลาม เช่น หัวลูกไก่ หัวพังกะ หัวนกกระสา ฝักทำลักษณะเหมือนเขาควายโค้งเข้าหากัน ผสมผสานลวดลายมลายูปาละวะโบราณ” ตีพะลี กล่าวกับเบนาร์นิวส์

“พอถึงยุค จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้มีการออกกฏหมายห้ามพกพากริช หรือมีดพกตามที่สาธารณะ ทำให้กริชและอาวุธประจำกายถูกเก็บลงหีบและตกทอดผ่านรุ่นสู่รุ่น ต่อมามีพ่อค้ามาเลเซียมากว้านซื้อ กริชจำนวนมากของไทยจึงถูกขายออกไป” ตีพะลี กล่าวเพิ่มเติม

แม้กลุ่มผู้นิยมศัสตราวุธไทยจะลดลง แต่ความนิยมของกริชและอาวุธโบราณยังคงเดินทางและกระจายไปทั่วภาคใต้ ที่จังหวัดพัทลุง สุวิทย์ ศรีสมโภชน์ หรือโนราสุวิทย์ เป็นหนึ่งในผู้สะสมอาวุธโบราณ ด้วยความชอบส่วนตัว และใช้สำหรับทำพิธีโนรา เช่น การตัดสายสิญจน์หรือบริกรรมคาถา เป็นต้น บางครั้งบางครอบครัวก็นำกริชมาให้สุวิทย์ช่วยดูแลรักษาแทน เพราะไม่รู้วิธีเก็บของมีค่าเหล่านี้อย่างถูกต้อง

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง