จีนหวังผลักดันเส้นทางรถไฟไทย-จีน มูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการหารือกับ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนว่า จีนหวังผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน มูลค่าหลายพันล้านเหรียญให้สำเร็จ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า การที่จีนจะส่งหมีแพนด้ามาจัดแสดงที่ประเทศไทย เป็นการสะท้อนความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนชื่นชมนายเศรษฐาที่ตัดสินใจเยือนจีนเป็นประเทศแรกนอกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

“ทั้งสองฝ่ายควรร่วมกันพัฒนายกระดับความร่วมมือโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เร่งการก่อสร้างเส้นทางรถไฟจีน-ไทย และเปิดเส้นทางสายกลางเส้นทางรถไฟสายทรานส์-เอเชีย” นายหวัง กล่าวกับนายเศรษฐาระหว่างการประชุม แถลงการณ์ระบุ

ประเทศทั้งหลายควร "ตระหนักถึงความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค และส่งเสริมการดำเนินการตามวิสัยทัศน์เรื่องการพัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างกันของจีน ลาว และไทยแต่เนิ่น ๆเพื่อให้เกิดแรงผลักดันและเปิดพื้นที่ใหม่สำหรับการพัฒนาระยะยาวของทั้งสองประเทศ” นักการทูตระดับสูงของจีนกล่าว

นายหวังไม่ได้บอกว่า เส้นทางรถไฟจีน-ไทยจะแล้วเสร็จเมื่อใด แต่ตามรายงานข่าวเมื่อปีที่แล้ว ไทยกำลังพิจารณาวันที่แล้วเสร็จในปี 2571

นายเศรษฐากล่าวว่า เขาและนายหวังได้พูดคุยเรื่องโครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะขยายจากจังหวัดหนองคายผ่านลาวเข้าสู่จีน

“โครงการนี้มีความท้าทายในเรื่องการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ จึงมีการตกลงกันว่า คณะทำงานจากทั้งสองประเทศจะเพิ่มความร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้” นายเศรษฐากล่าว

โครงการรถไฟความเร็วสูงมูลค่ากว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt&Road Initiative)ของจีน ซึ่งเป็นแผนอันทะเยอทะยานของจีนในการสร้างเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และห่วงโซ่อุปทานที่จะเชื่อมโยงจีนกับส่วนอื่น ๆ ของโลก เส้นทางรถไฟจะเชื่อมเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ และเมืองคุนหมิง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ผ่านจังหวัดหนองคายและประเทศลาว

นายเศรษฐากล่าวไว้เมื่อเดือนตุลาคมว่า ไทยวางแผนที่จะเร่งการก่อสร้างเส้นทางรถไฟไปยังประเทศจีน หากยังล่าช้าเนื่องมาจากการแพร่ระบาดและสาเหตุอื่น ๆ

“โลจิสติกส์เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญสำหรับไทยในความร่วมมือ BRI และไทยจะต้องยกระดับการเชื่อมต่อเส้นทางระหว่างรถไฟภายในประเทศกับรถไฟจีน-ลาว ซึ่งเป็นโครงการ BRI หลักในภูมิภาค” นายเศรษฐากล่าว ขณะให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว สื่อทางการของจีนในขณะนั้น

th-china-panda.jpg
FILE - Lin Hui, a female Panda on a 10-year loan from China is seen eating bamboo at the Chiang Mai Zoo in Chiang Mai province, northern Thailand, on Sept. 23, 2005. Lin Hui, the giant panda, died Wednesday, April 19, 2023, six months before she was due to return home, officials from the Chiang Mai Zoo said. (AP Photo/Apichart Weerawong, File) (Apichart Weeeawong/AP)

หลินฮุ่ย แพนด้าเพศเมียที่ยืมมาจากจีนเป็นเวลา 10 ปี ขณะกินไผ่ ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2548 (อภิชาติ วีระวงษ์/เอพี)

นายเศรษฐา กล่าวหลังการหารือกับ รมว. กระทรวงการต่างประเทศจีน ว่าจีนรับปากจะให้ประเทศไทยยืมหมีแพนด้า

“สวนสัตว์ที่เชียงใหม่เคยมีหมีแพนด้า ปัจจุบันนี้ก็ไม่มี ซึ่งมันก็ไม่ใช่กระจกสะท้อนที่ดีกับความสัมพันธ์ทางการทูตที่เรามีมาอย่างดีกับประเทศจีนตลอด 50 ปี ก็เลยเรียนขอท่าน (นายหวัง อี้) ไป ท่านก็ยินดีให้การสนับสนุน เราก็จะหมีแพนด้ากลับมาอีกครั้งนึงมาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่” นายเศรษฐา กล่าว

ประเทศจีนเคยให้ไทยยืมหมีแพนด้า 1 คู่ เป็นทูตสันถวไมตรีไทย-จีน มาจัดแสดงที่สวนสัตว์เชียงใหม่ในปี 2546 เป็นแพนด้าเพศผู้ชื่อ “ช่วงช่วง” และเพศเมีย “หลินฮุ่ย” ต่อมาหลินฮุ่ย ตั้งท้องด้วยการผสมเทียม และคลอด “หลินปิง” แพนด้าเพศเมียออกมาในปี 2552 แต่ในปี 2556 หลินปิงถูกส่งกลับไปยังประเทศจีน

ต่อมาในปี 2562 ช่วงช่วง เสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลวขณะอายุ 19 ปี และในปี 2566 หลินฮุ่ย ได้ป่วยและเสียชีวิตลงด้วยอายุ 21 ปี ทำให้ประเทศไทยไม่มีหมีแพนด้าอีกนับแต่นั้นมา

ข้อดี-เสีย ฟรีวีซ่าไทย-จีน

นายเศรษฐา เผยในวันจันทร์ หลังหารือกับนายหวัง โดยหวังว่า การท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวหลังข้อตกลงฟรีวีซ่าถาวร อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจไทยกังวล ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญจะกลับมา แต่ชี้ว่าฟรีวีซ่าให้จีนเป็นเรื่องดีสำหรับการท่องเที่ยวไทย

การเปิดเผยของนายเศรษฐา สืบเนื่องจากเมื่อวันอาทิตย์ นายหวังกับนายนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพิ่งนามบันทึกความตกลงการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (ฟรีวีซ่า) ระหว่าง 2 ประเทศสำหรับหนังสือเดินทางบุคคลธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567

ซึ่งก่อนหน้านี้ ไทยเคยใช้นโนบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อเป็นการจูงใจนักท่องเที่ยวชาวจีน

“เราถือว่าความตกลงนี้เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพไทย-จีน ที่มีมายาวนานและความไว้เนื้อเชื่อใจในทุกระดับ ผมมั่นใจว่า หลังจากนี้ไป การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่าง ประชาชนทั้งเพื่อการท่องเที่ยว และติดต่อธุรกิจต่างๆ จะเป็นไปอย่างสะดวกสบาย ช่วยกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทั้งฝั่งไทยและจีนได้อย่างแน่นอน” นายปานปรีย์ ระบุ

นายไพฑูรย์ เมฆลอย ชาวกรุงเทพฯ อายุ 45 ปี มองว่า ฟรีวีซ่าจีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อาจส่งผลกระทบกับประชาชน

“เราคงจะเห็นโปรแกรมทัวร์จีนออกมาขายกันเยอะขึ้น ซึ่งก็ดี กระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ บริษัททัวร์ในไทยก็จะได้ฟื้นคืนอีกครั้ง แต่สิ่งที่เราพบเห็นบ่อยคือ คนจีนถ้าอยู่กันเยอะ ๆ ในร้านอาหารก็เสียงดัง ในวัดก็เสียงดัง ข้ามถนนไม่ระวังรถอาจเกิดอุบัติเหตุ เป็นไปได้ไหมที่รัฐบาลจะหาทางทำความเข้าใจเรื่องมารยาทกับนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ใช่เฉพาะจีน” นายไพฑูรย์ กล่าว

ด้าน นายวัลลภ พึ่งนรินทร์ เจ้าของภัตตาคารย่านพระราม 9 กล่าวกับเบนาร์นิวส์ ชี้ว่า นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องดี แต่ก็มีข้อที่น่ากังวลเช่นกัน

“น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ทัวร์ศูนย์เหรียญ ก่อนโควิด เราเห็นทัวร์จีนเป็นเรื่องปกติ แต่ทัวร์ใหญ่ ๆ ที่เราเห็นนั้น ค่าใช้จ่ายตกถึงคนไทยน้อยมาก เพราะเป็นเครือข่ายจีนเองตั้งแต่ต้นทาง ให้เข้าพัก และกินอาหาร ที่เป็นร้านคนจีน เราอยากได้นักท่องเที่ยวจีนแบบแบกเป้ ที่เงินจะถึงมือคนไทยจริงๆ และอยากเห็นการให้ฟรีวีซ่าประเทศอื่นด้วย” นายวัลลภ กล่าว

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ปี 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมายังประเทศไทย 28.04 ล้านคน เพิ่มขึ้น 151% จากปีก่อนหน้า สร้างรายได้ถึง 1.20 ล้านล้านบาท โดยชาติที่เดินทางมามากที่สุดคือ 1. มาเลเซีย 4.5 ล้านคน 2. จีน 3.51 ล้านคน และ 3. เกาหลีใต้ 1.65 ล้านคน

นายเศรษฐา ยังเผยว่า ได้หารือกับนายหวัง เรื่องความร่วมมือระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับการเชิญจีนมาร่วมลงทุนอุตสาหกรรมรถพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย รวมถึงร่วมมือกันแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น พนันออนไลน์ ค้ามนุษย์ หลอกลวงทางโทรศัพท์ และยาเสพติด เป็นต้น

th-chinese-tourist-srettha.jpg

นักท่องเที่ยวจีนถ่ายเซลฟี่กับนายเศรษฐา ทวีสิน ในพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มแรกภายใต้โครงการปลอดวีซ่า 5 เดือน ณ สนามบินนานาชาติกรุงเทพฯ วันที่ 25 กันยายน 2566 (อาทิตย์ พีระวงศ์เมธา/รอยเตอร์)

แลนด์บริดจ์กับความกังวล

นายเศรษฐา เปิดเผยหลังการประชุมร่วมในวันจันทร์ว่า จีนสนใจร่วมลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์

“เรื่องแลนด์บริดจ์ ท่านเอง (นายหวัง อี้) ก็เอ่ยขึ้นมาเองว่า ทางจีนสนใจ แต่ต้องการข้อมูลเพิ่ม เอกชนจีนก็สนใจที่จะมีส่วนร่วม ในช่วงหลายปีหลัง บริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศจีน มาลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากในเมืองไทย ไม่ใช่แค่จะมาเซิร์ฟแค่ความต้องการในประเทศไทยอย่างเดียว จะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออก แน่นอนเราต้องมีท่าเรือน้ำลึก เราต้องมีโครงการเมกะโปรเจ็คใหญ่ ๆ เพื่อที่จะซับพอร์ตตรงนี้” นายกรัฐมนตรี ระบุ

โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมโยงทะเลอันดามันและอ่าวไทย (Land bridge) คือ โครงการสร้างถนนคู่กับรางรถไฟ ระยะทาง 120 กม. เชื่อมท่าเรือจากฝั่งอ่าวไทยถึงทะเลอันดามัน ซึ่งรัฐบาลเชื่อว่า จะลดค่าใช้จ่ายการขนส่งสินค้า และมีความปลอดภัยมากกว่าการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกา สร้างงานในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 2.8 แสนอัตรา และจะทำให้ GDP เติบโต 5.5% ต่อปี หรือราว 6.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อมีการพัฒนาโครงการเต็มรูปแบบ

“แลนด์บริดจ์อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว รัฐบาลจะต้องมีมาตรการเยียวยาที่เป็นธรรมให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ และนำเรื่องความคุ้มค่าทางสังคม และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้วมาพิจารณาอย่างจริงจังเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่” ดร. เอียชา การ์ตี นักวิจัยนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แสดงความคิดเห็นเรื่องดังกล่าวกับเบนาร์นิวส์

ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ระนอง สัปดาห์ก่อน ชาวระนองและชุมพร ได้ยื่นหนังสือคัดค้านโครงการแลนด์บริดจ์ แก่นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ทบทวนโครงการดังกล่าว เพราะกังวลผลกระทบด้านวิถีชีวิต และสภาพแวดล้อม ซึ่งนายเศรษฐา ก็รับปากว่าจะนำความเห็นของชาวบ้านไปประกอบการพิจารณา

จรณ์ ปรีชาวงศ์ ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน