ไทยยืนยัน ยังไม่มีแผนส่งคนอุยกูร์กลับจีน ท่ามกลางความกังวลขององค์กรสิทธิฯ
2025.01.13
กรุงเทพฯ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ยืนยันว่า ยังไม่มีแผนที่จะส่งตัวคนอุยกูร์ซึ่งถูกควบคุมตัวในห้องกัก สตม. กลับไปยังประเทศจีน ระบุว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนได้แสดงความกังวลเรื่องนี้ เพราะไม่ต้องการให้คนอุยกูร์ถูกส่งกลับไปจีน เพราะเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับอันตราย
การเปิดเผยของ สตม. สืบเนื่องจาก Justice For All องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล ได้รณรงค์โครงการ #SaveUyghur เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมาเรียกร้องให้ รัฐบาลไทยยุติความพยายามที่จะส่งผู้ลี้ภัยอุยกูร์ 48 คน กลับไปยังประเทศจีน
หลังจากมีข้อเรียกร้องดังกล่าว สื่อมวลชนได้นำคำถามไปถามกับ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายจิรายุ ระบุว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว
“ปกติแล้วการส่งตัวผู้ต้องขัง หรือผู้ต้องหา หรือผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ขั้นตอนการปฏิบัติเป็นของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขอสอบถาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก่อนว่า กรณีของพลเรือนอุยกูร์ที่จะต้องกลับไป กลับเพราะเหตุใด มีการเจรจาแบบไหนอย่างไร มีข้อตกลงในการส่งผู้ร้ายหรืออะไร ต้องขอสอบถามก่อน” นายจิรายุ กล่าว
ขณะที่ เบนาร์นิวส์ได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ. คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3 ในฐานะโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งได้คำตอบว่า “(การส่งตัวหรือไม่) ยังอยู่ในระหว่างการประชุมอยู่ ระหว่างการพิจารณาอยู่ครับ ถ้าได้ข้อสรุปยังไงแล้วเราจะมีการแถลงข่าว”
Justice For All ระบุว่า คนอุยกูร์ซึ่งถูกกักในห้องกัก สตม. ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 8-9 ม.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของห้องกักได้นำเอกสารมาให้ผู้ต้องกักชาวอุยกูร์กรอก ซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับการสมัครใจกลับประเทศ ขณะเดียวกัน ผู้ต้องกักยังถูกถ่ายรูป และกดดันด้วยวาจาจากเจ้าหน้าที่ว่า จะเนรเทศกลับจีน ซึ่งผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ได้ประท้วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการอดอาหาร
“ประวัติศาสตร์ต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก นานาชาติรวมถึงรัฐบาลไทยต้องร่วมกันทำให้ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ได้รับการปกป้อง ภายใต้หลักการสากลที่ห้ามผลักดันบุคคลกลับไปเผชิญอันตราย ความปลอดภัย และสิทธิของพวกเขาต้องถูกให้ความสำคัญ” นายอิมมาม อับดุล มาลิก มูจาฮิด ประธานของ Justice For All กล่าว
ด้าน นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ระบุว่า ปัจจุบัน ไทยเหลือคนอุยกูร์ในห้องกัก สตม. 48 คน โดยตั้งแต่ปี 2557 มีคนอุยกูร์เสียชีวิตในห้องกักแล้ว 5 คน มีผู้หญิงและเด็กได้ย้ายไปอยู่ในตุรกี 173 คน แต่ผู้ชายก็ถูกผลักดันกลับจีนถึง 109 ชีวิต
“หากการตัดสินใจผลักดันกลับไปตายที่จีนนี้เกิดขึ้นจริง จะถือเป็นการกดปราบข้ามชาติ อย่างน่าขยะแขยงและเลวร้ายที่สุดที่ประเทศไทยเคยทำมา ไทยจะตกเป็นผู้ที่ยื่นมืออันอำมหิตไปส่งมอบชีวิตคนที่ถูกลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างยาวนาน และลงทัณฑ์พวกเค้าให้กลับไปเผชิญการประหัตประหารที่บ้านเกิดอย่างเยือกเย็น” นายกัณวีร์ กล่าว
ชาวอุยกูร์ คือ กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (Xingjiang Uyghur Autonomous Region - XUAR) องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล ระบุว่า ชาวอุยกูร์ เป็นชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมที่ถูกกดขี่ข่มเหงจากรัฐบาลจีน
ในปี 2558 ไทยเคยส่งคนอุยกูร์ 109 คน ไปที่ประเทศจีน ซึ่งการกระทำดังกล่าวถูกองค์สิทธิมนุษยชนสากลประณามอย่างรุนแรง ขณะที่ สภาพในห้องกักของ สตม. ก็ถูกวิจารณ์ว่าแออัด และไม่มีระบบสาธารณสุขที่ดีจนทำให้มีชาวอุยกูร์เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คนในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
“สิ่งที่เราเรียกร้อง ไม่ใช่อะไรยิ่งใหญ่ เราเรียกร้องให้รัฐบาลไม่ส่งกลับผู้ลี้ภัย สิ่งที่เราเรียกร้องอีกคือ ต้องมีแพทย์เข้าไปตรวจสุขภาพ และดูแลรักษาคนในห้องกัก ไม่ใช่เฉพาะคนอุยกูร์ แต่เป็นทุกคน” นางชลิดา ทาเจริญศักดิ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศักยภาพชุมชน กล่าวกับเบนาร์นิวส์
สหประชาชาติ (UN) เคยรายงานว่า จีนกักขังชาวมุสลิมและชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ จำนวน 1.8 ล้านคน ในค่ายกักกัน โดยถูกทรมาน บังคับทำหมัน บังคับใช้แรงงาน รวมถึงถูกห้ามให้ปฏิบัติตามประเพณีด้านภาษา วัฒนธรรม และศาสนา