นายกฯ เยือนจีน นักสิทธิหวั่นคุยประเด็นส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศ
2025.02.04
กรุงเทพฯ

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจกำลังตกอยู่ในสภาวะกดดัน หากทางการจีนต้องการตัวคนอุยกูร์ 48 ราย ที่ถูกกักตัวอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี ดังนั้นกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนเพื่อชาวอุยกูร์ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวพวกเขาทันที
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แพทองธารกำลังจะเดินทางไปยังประเทศจีนในวันพุธนี้ เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมจุดประสงค์ในการหารือด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ของจีน ทั้งยังเสริมว่า นายกฯ จะไม่หยิบประเด็นเรื่องการส่งตัวชาวอุยกูร์ขึ้นมาพูดคุย
ทางการไทยอ้างว่า ไม่มีแผนที่จะส่งตัวชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมจากภูมิภาคซินเจียง หรือเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (Xinjiang Uyghur Autonomous Region) ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ผู้ที่ถูกกักตัวไว้ในห้องขังอันคับแคบที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตั้งแต่ปี 2557 กลับประเทศต้นทาง โดยชาวอุยกูร์กลุ่มนี้พยายามที่จะหลบหนีการปราบปรามจากทางการจีนโดยใช้ประเทศไทยเป็นช่องทางในการลี้ภัย
แม้ว่ารัฐบาลไทยจะยืนยันว่าไม่มีแผนการในการส่งตัวพวกเขากลับ องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างแสดงความกังวลว่า เหล่าผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์มีความเสี่ยงที่จะถูกส่งตัวกลับประเทศ ที่ที่พวกเขาอาจถูกทรมาน
“พรรคคอมมิวนิสต์จีนมักมีแนวทางในการกดดันรัฐบาลต่างชาติ และบิดกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อสนองเป้าหมายของตนเอง” ราชาล อับบัส (Rushan Abbas) ประธานสภาอุยกูร์โลก (World Uyghur Congress) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อสนับสนุนชาวอุยกูร์ระดับสากล ให้ข้อมูลกับเรดิโอฟรีเอเชีย
“หากทางการไทยรับหลักการสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง จะต้องปล่อยตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์และดูแลให้พวกเขาได้แหล่งพักพิงใหม่อย่างปลอดภัย เนื่องจากทั้งโลกกำลังจับตามองอยู่ ดังนั้นชาวอุยกูร์เหล่านี้จะต้องไม่ถูกส่งตัวกลับไปเพื่อรับโทษที่อาจถึงแก่ชีวิต” เขาเสริม
Justice For All องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล แถลงเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า ชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวอยู่อ้างว่า เจ้าหน้าที่ไทยบังคับให้พวกเขากรอกเอกสารเพื่อเตรียมพร้อมในการส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน ทว่า รัฐบาลไทยปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย โต้ว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวไว้ที่ สตม. จะไม่ถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทาง
“ทางการไทยให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และหลักการห้ามผลักดันกลับไปเผชิญอันตรายที่ประเทศต้นทาง หลักการเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยยึดถือ ไม่ต้องกังวลกันไป” เขากล่าวกับนักข่าว
ชาวอุยกูร์ ผู้อาศัยอยู่ในภูมิภาคซินเจียงต้องเผชิญกับการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการถูกขังในค่ายกักกันขนาดใหญ่ ซึ่งกลุ่มผู้ลี้ภัยที่ถูกกักตัวไว้ที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กว่า 350 คน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก โดยมีผู้ลี้ภัยจำนวน 172 คน ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ประเทศตุรกี อีก 109 คน ถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน ส่วนอีก 5 คน เสียชีวิตเนื่องจากไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสมเพียงพอ
ในปี 2558 ประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา มาเป็นระยะเวลายาวนานต้องเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากกรณีที่ส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปเผชิญความทุกข์ทรมานที่ประเทศจีน ทว่า ประเทศไทยมิได้ลงนามในอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยสถานะผู้ลี้ภัย พ.ศ. 2494 จึงไม่ได้ให้การรับรองผู้ลี้ภัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทนายคดีระเบิดราชประสงค์ ร้องศาลอาญาปล่อยตัวผู้ต้องกักอุยกูร์
รมว. ตปท. สหรัฐฯ คนใหม่ หวังประสานไทย-พันธมิตรสหรัฐฯ ไม่ให้ส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
ไทยยืนยัน ยังไม่มีแผนส่งคนอุยกูร์กลับจีน ท่ามกลางความกังวลขององค์กรสิทธิฯ
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาคนใหม่ กล่าวในการพิจารณารับรองตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เขาจะประสานกับทางการไทย ผู้เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ เพื่อยุติการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน
แอมเนสตี้ย้ำให้ไทยปฏิบัติตาม ‘พันธสัญญา’
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ชี้แจงว่า ประเด็นเรื่องการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนไม่อยู่ในวาระที่นายกฯ จะนำไปพูดคุยกับรัฐบาลจีน
“จะไม่มีการหารือเรื่องแผนการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในวาระ ประเด็นนี้ไม่มีอะไรให้พูดถึง” เขากล่าวกับเรดิโอฟรีเอเชีย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 22 มกราคมเดือนที่แล้ว โฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นชาวอุยกูร์ในประเทศไทย ในงานแถลงข่าวว่า เธอไม่ทราบประเด็นนี้ และเสริมต่อในภาพกว้างว่า ทางการจีนต่อต้านการเดินทางเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายอย่างยิ่ง
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล องค์กรสิทธิมนุษยชนสากลได้แสดงความกังวลต่อทางการไทยเช่นเดียวกันว่า ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ “มีความเสี่ยงในการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมไปถึงการกักกันตัว การถูกทำร้ายร่างกาย และวิธีการทารุณอื่น ๆ โดยเจตนา หากถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน”
“องค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปฏิบัติตามกฎหมายทั้งในและระหว่างประเทศ ว่าด้วยการไม่ส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับไปเผชิญการถูกประหัตประหารที่ประเทศต้นทาง เนื่องจากเป็นการละเมิดหลักการห้ามผลักดันกลับ ซึ่งเป็นหลักการที่ยอมรับกันในระดับสากล” กลุ่มสิทธิมนุษยชน กล่าวในแถลงการณ์ถึงนายภูมิธรรม เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา
หลักการห้ามผลักดันกลับระบุว่า รัฐภาคีจะต้องไม่ส่งตัวบุคคลไปยังอีกรัฐหนึ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชีวิตและอิสรภาพของพวกเขาอาจถูกคุกคาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนจึงเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวอุยกูร์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาติเข้าร่วมเพื่อแสดงความกังวลต่อความปลอดภัยของกลุ่มผู้อพยพดังกล่าว
นายชูชาติ กันภัย และนายจำเริญ พนมภคากร ทนายความฝ่ายจำเลย คดีระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ปี 2558 ได้ร้องต่อศาลอาญา ขอให้ปล่อยตัวผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ 42 คน ซึ่งถูกควบคุมตัวโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ด้วยเหตุผลที่ว่า ชาวอุยกูร์ทุกรายได้รับโทษตามกฎหมาย และพ้นโทษมาเป็นเวลานานแล้ว โดยศาลอาญาจะนัดไต่สวนครั้งแรกในวันที่ 17 ก.พ. นี้
เรดิโอฟรีเอเชีย สำนักข่าวออนไลน์ร่วมเครือเบนาร์นิวส์ รายงาน