ศูนย์หลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต คืออะไรกันแน่

อาชญากรทั่วภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ พบทางสร้างรายได้มหาศาล จากการค้ามนุษย์-หลอกเงินจากบัญชีของเหยื่อ
แอบบี เซ็ฟ สำหรับเรดิโอฟรีเอเชีย
2025.01.25
ศูนย์หลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต คืออะไรกันแน่ ตึกที่มีกำแพงรั้วและลวดหนามล้อมรอบมิดชิด ที่ปิดตัวไปแล้ว ในสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โดยทางการระบุว่า พบหลักฐานการค้ามนุษย์ การลักพาตัว และการทรมาน วันที่ 21 กันยายน 2565
ซินดี้ ลิว/รอยเตอร์

ข่าวเกี่ยวกับแหล่งสแกม หรือต้มตุ๋น ทางไซเบอร์ เป็นที่จับตาในระดับนานาชาติในช่วงเดือนนี้ หลังจากนักแสดงชาวจีนรายหนึ่ง ได้รับการช่วยเหลือออกมาจาก เคเคพาร์ค (KK Park) พื้นที่ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในเมียนมา โดยเมื่อปลายเดือนธันวาคม หวัง ซิง นักแสดงชาวจีนได้บินมาประเทศไทย และเดินทางตรงไปแม่สอดทันที เพราะมีผู้เสนอสัญญาว่าจ้างงานแสดง แต่เขากลับถูกลักพาตัว และถูกส่งตัวข้ามพรมแดนไปยังคอมเพล็กซ์ ที่นั่นเขาถูกบังคับเป็นเหยื่อ ให้ทำงานหลอกลวงผู้อื่น เพื่อหลอกเอาเงินเก็บในบัญชีของบรรดาเหยื่อ หากพวกเขาหลอกเหยื่อรายอื่นไม่สำเร็จ พวกเขาก็จะถูกลงโทษอย่างหนัก

สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับคดีของหวัง ไม่ใช่เรื่องโฆษณางานปลอม การลักพาตัว หรือการลักลอบข้ามพรมแดนไปยังพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเหยื่อจากการค้ามนุษย์หลายพันคนจากทั่วโลก แต่มันเป็นเรื่องของภารกิจการช่วยเหลือเขาออกมาต่างหากที่ดูเป็นเรื่องผิดปกติ

scam-center-wangxing-2.jpg
หวัง ซิง นักแสดงชาวจีน (ซ้าย) จับมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ในอำเภอแม่สอด หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากศูนย์ฉ้อฉลของเมียนมา วันที่ 7 มกราคม 2568 (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ/รอยเตอร์)

ผู้คนนับแสนถูกกักขังไว้ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้ทั่วทั้งภูมิภาค ในกัมพูชา ลาว และเมียนมา ต่างพบเจอแหล่งสแกมเมอร์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถานที่เหล่านี้จะมีกลุ่มอาชญากรหลากหลายกลุ่ม โดยมักมีความเชื่อมโยงกับบุคคลที่มีอิทธิพลในท้องถิ่นและดำเนินการโดยไม่ต้องกลัวจะถูกจับได้

แหล่งสแกมเมอร์เหล่านี้มีที่มาจากที่ไหน

กว่าทศวรรษที่ผ่านมา อินเทอร์เน็ตราคาถูกทำให้กัมพูชากลายเป็นฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สำคัญสำหรับกลุ่มอาชญากรชาวจีนและไต้หวัน กลุ่มอาชญากรเหล่านี้แสร้งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล บริษัทประกัน หรือธุรกิจต่าง ๆ ใช้เทคโนโลยี Voice over Internet Protocol (VoIP) หรือระบบโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต โทรหาเหยื่อในประเทศบ้านเกิดของพวกเขาโดยเฉพาะในจีน เพื่อหลอกลวงหรือข่มขู่ให้เหยื่อโอนเงินจากบัญชีธนาคาร การดำเนินการหลอกลวงในช่วงแรกมีที่มาจากกัมพูชา เคนยา มาเลเซีย และที่อื่น ๆ ทำให้มีผู้คนล้มละลายจำนวนนับไม่ถ้วน และสแกมเมอร์สร้างรายได้จากการหลอกลวงได้หลายพันล้านหยวน

 scam-center-wangxing-3.jpg

ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนหลายพันคนถูกจับกุม และส่งตัวกลับประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ปฏิบัติการฉ้อโกงในช่วงเริ่มแรกนั้นไม่เคยถูกปราบปรามอย่างหมดสิ้น และนั่นทำให้เกิดการขยายตัวอย่างแพร่หลายและมีรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม

ในกัมพูชาได้มีการห้ามเล่นการพนันออนไลน์ในปี 2562 ตามมาด้วยชาวจีนที่อพยพเข้ามาทั้งในรูปแบบการพักอาศัยในระยะยาว และในรูปแบบของนักท่องเที่ยว หลั่งไหลเข้ามาจำนวนมากในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้คาสิโนถูกถูกดัดแปลงเป็นศูนย์กลางของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากขึ้น เขตเศรษฐกิจพิเศษที่สร้างขึ้นในลาว และประเทศอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมธุรกิจใหม่ ๆ กลายเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรม เนื่องจากกฎระเบียบที่หย่อนยาน ในขณะเดียวกันได้เกิดการรัฐประหาร ตามมาด้วยสงครามกลางเมืองที่เมียนมา ทำให้โอกาสทางธุรกิจสำหรับอาชญากรเพิ่มขึ้นและความเป็นไปได้ในการบังคับใช้กฎหมายก็ลดลง

ในกัมพูชา การห้ามเล่นการพนันออนไลน์ในปี 2562 ตามด้วยการอพยพครั้งใหญ่ของชาวจีนที่ย้ายมาทำงานและอยู่อาศัย และนักท่องเที่ยวในช่วงการระบาดใหญ่ ทำให้คาสิโนต่าง ๆ ถูกดัดแปลงมาเป็นศูนย์ฉ้อโกง โซนเศรษฐกิจพิเศษที่สร้างขึ้นในลาวและประเทศอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมธุรกิจใหม่ ๆ กลับกลายเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมเนื่องจากกฎระเบียบที่หละหลวม ในเมียนมา ขณะเดียวกัน รัฐประหารและสงครามกลางเมืองที่ตามมา ทำให้โอกาสทางธุรกิจสำหรับอาชญากรมีเพิ่มขึ้นและการบังคับใช้กฎหมายลดลง

เมื่อส่วนผสมของการทุจริตที่แพร่หลายในพื้นที่ ผนวกกับการมีกลุ่มผู้หางานที่มีการศึกษาในระดับหนึ่ง แต่มีฐานะยากจนอย่างหนักจากทั่วโลก สิ่งนี้ได้สร้างโอกาสทางอาชญากรรมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ได้มีการประเมินมูลค่าเงินที่ถูกหลอกโดยกลุ่มมิจฉาชีพที่ดำเนินการในประเทศลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างขณะนี้อยู่ที่ ประมาณ 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และอาจสูงถึง 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การต้มตุ๋นปฏิบัติการอย่างไร

การหลอกล่อเหยื่อให้เชื่อว่าบัญชีของตนมีปัญหายังคงเป็นวิธีการหลอกลวงที่พบเห็นได้ทั่วไปในหลายประเทศทั่วโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการมุ่งเน้นไปที่การหลอกลวงแบบ “pig butchering” (การเชือดหมู) เป็นอย่างมาก โดยคำว่า sha zhu pan (杀猪盘) เมื่อแปลออกมาตรงตัวจะมีความหมายว่าการ "เชือดหมู" ซึ่งหมายถึงกระบวนการในการทำให้เหยื่ออ้วนขึ้น ก่อนจะส่งไปเชือด

แม้ว่ากลโกงเหล่านี้จะต้องใช้เวลาและพลังงานมาก แต่ดูเหมือนว่าผลตอบแทนที่ได้รับจะสูงกว่า สแกมเมอร์จะส่งข้อความไปยังผู้คนนับล้าน โดยมักเป็นข้อความที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย เช่น การแกล้งทำเป็นส่งผิดเบอร์ ส่วนมากสแกมเมอร์มักจะมุ่งเป้าความสนใจไปที่คนที่ตอบกลับ ที่มีจำนวนไม่มาก โดยค่อย ๆ สร้างมิตรภาพหรือความสัมพันธ์เชิงชู้สาว

เมื่อเวลาผ่านไป เหยื่อจะถูกโน้มน้าวให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลหรือโอกาสทางธุรกิจอื่น ๆ โดยมักจะได้รับผลตอบแทนเล็กน้อย เมื่อเหยื่อเห็น “หลักฐาน” ของความสามารถทางธุรกิจของคนที่ตนรักแล้ว เหยื่อก็เชื่อมั่นที่จะ “ลงทุน” มากขึ้นกว่าเดิมมาก ด้วยวิธีนี้มักทำจะให้เหยื่อสูญเสียเงินเป็นจำนวนหลายพัน หลายแสน หรือแม้กระทั่งหลายล้านดอลลาร์

scam-center-wangxing-4.jpg
ชายชาวเวียดนามที่ถูกควบคุมตัวที่ศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เคเคพาร์ค ในรัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา ถ่ายรูปภายในของศูนย์ฯ ดังกล่าว ภาพไม่ระบุวันที่ (เหงียน)

สแกมเมอร์พวกนี้ คือใคร

เหยื่อของการขบวนการฉ้อฉลนี้ ก็มีพวกต้มตุ๋น (สแกมเมอร์) รวมอยู่ด้วย

แม้ว่าสแกมเมอร์บางคนสมัครใจมาทำงานนี้ โดยพวกเขาถูกล่อลวงด้วยคำมั่นสัญญาเรื่องการได้รับเงินเดือนที่สูง โดยต้องทำงานในประเทศที่มีความยากจน ซึ่งสถานที่เหล่านี้ยังคงต้องพึ่งพาแรงงานที่ถูกค้ามนุษย์จำนวนมากเช่นกัน อย่างในกรณีของ หวัง ซิง เหยื่อมักถูกล่อลวงด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะได้งานที่มีรายได้ดี ซึ่งต้องอาศัยทักษะด้านภาษาและคอมพิวเตอร์ โดยทักษะเหล่านี้หาได้ง่ายในกลุ่มเยาวชนในภูมิภาคที่มีสถานะว่างงาน

รายงานจากอดีตสแกมเมอร์บางคนชี้ว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการหลอกลวงเหยื่อสามารถสร้างรายได้เป็นอย่างดี และก็ไม่ใช่ทุกคนที่ถูกบังคับให้มาทำงาน

แต่มีรายงานจำนวนมากที่เผยให้เห็นว่าสแกมเมอร์จำนวนหลายรายถูกบังคับให้อยู่กับโทรศัพท์ของพวกเขาถูกทำร้ายด้วยความรุนแรงอย่างหนัก เช่น การทุบตี การใช้ไฟฟ้าช็อต การให้อดอาหาร และการทารุณกรรม และทรมานในรูปแบบอื่น ๆ โดยดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องปกติในสถานที่เหล่านี้ ผู้ที่หลบหนีออกมาได้หลายรายต่างเล่าเรื่องราวคล้าย ๆ กัน จากประสบการอันเลวร้ายที่พวกเขาประสบมา

scam-center-wangxing-5.jpg
คนถูกขังล่ามโซ่ขาไว้กับเตียง ในศูนย์คอลเซ็นเตอร์ รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ภาพไม่ระบุวันที่ (เหงียน)

ผู้ที่ดำเนินการแหล่งต้มตุ๋นเหล่านี้ยังมีรูปแบบการหาเงินด้วยการก่ออาชญากรรมแบบโจ่งแจ้ง เช่น การลักพาตัวเหยื่อเรียกค่าไถ่ จากเพื่อนหรือครอบครัวของเหยื่อ นักควงกระบองไฟชาวไต้หวันรายหนึ่ง ถูกลักพาตัวในประเทศไทย ก่อนถูกนำตัวไปยังแหล่งต้มตุ๋นเมื่อเดือนที่แล้ว เขาถูกบังคับให้ฝึกเป็นสแกมเมอร์ โดยผู้ที่ลักพาตัวเขาไปบอกว่าเขาจะได้รับการปล่อยตัวก็ต่อเมื่อครอบครัวของเขาจ่ายเงิน 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณกว่า 1 ล้านบาท) แม้ว่าเขาจะได้รับการช่วยเหลือหลังจากการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างตำรวจไต้หวันและไทย แต่โดยทั่วไปผู้ที่ออกมาจากสถานที่เหล่านี้ได้ มักจะต้องให้ครอบครัวของพวกเขาจ่ายค่าไถ่ ก่อนจะได้รับการปล่อยตัว

มันเป็นเรื่องยากมากที่จะรู้ว่ามีคนถูกกักตัวไว้ในสถานที่เหล่านี้มากเพียงใด แต่มีการคาดประมาณไว้ว่า อาจมีเหยื่อจำนวนหลายแสนคน โดยองค์การสหประชาชาติระบุว่า มีผู้คนมากกว่า 100,000 คน ถูกค้ามนุษย์เข้าสู่กัมพูชา และอีก 120,000 คน ในเมียนมา แม้จะเป็นที่เข้าใจกันว่า สแกมเมอร์ส่วนมาก เป็นกลุ่มอาชญากรชาวจีนที่ทำการหลอกลวงเหยื่อผ่านขบวนการค้ามนุษย์ นำผู้คนจากทุกมุมโลกเข้ามาทำงาน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศจีน ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เนปาล เคนยา อินเดีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน ยูกันดา และอีกหลายประเทศ ได้ช่วยเหลือพลเมืองของตน หรือไม่ก็พบว่า พลเมืองของประเทศตน สามารถหลบหนีจากแหล่งต้มตุ๋น ในเมียนมา ลาว และกัมพูชาได้

เรดิโอฟรีเอเชีย สำนักข่าวออนไลน์ร่วมเครือกับเบนาร์นิวส์

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง