ในหลวงโปรดเกล้าฯ ปรับ ครม. ประยุทธ์ 2/2

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2020.08.06
กรุงเทพฯ
200806-TH-cabinet-reshuffle-1000.jpg พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ทำความเคารพพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ระหว่างพิธีฉลองครบรอบ 132 ปี ของโรงเรียนนายร้อยทหาร จังหวัดนครนายก วันที่ 5 สิงหาคม 2563
รัฐบาลไทย/เอเอฟพี

ในวันพฤหัสบดีนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 10 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งรัฐมนตรีตำแหน่งสำคัญบางตำแหน่ง ทั้งสิ้นเจ็ดคน แปดตำแหน่ง ขึ้นทดแทนตำแหน่งเก่าที่ลาออกไป ขณะที่นักวิชาการชี้ โลกกำลังจะเจอกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จึงควรเลือกหัวหน้าทีมเศรษฐกิจให้ดีเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิถุนายน 2562 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 นั้น บัดนี้นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตำแหน่ง สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่าง และเพิ่มเติมบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า แต่งตั้ง ดังต่อไปนี้

“นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็น รองนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่งหนึ่ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เป็น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอนุชา นาคาศัย เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปรีดี ดาวฉาย เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน” ตอนหนึ่งของประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี ระบุ

ทั้งนี้ การแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ครั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวมถึง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง โดยนายอุตตม กล่าวเพียงว่า ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งการลาออกจะช่วยให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ความคลุมเครือหายไป ขณะที่มีรายงานถึงแรงกดดันจากคนในพรรค

ต่อมาในวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึง ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน

ทั้งนี้ นายปรีดี ดาวฉาย เป็นอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทย ในปี 2556 ก่อนที่จะมาเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ใน พ.ศ. 2557 จากนั้น ในปี พ.ศ. 2559 ได้เป็นประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย กรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในปี พ.ศ. 2561 เป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี

นักวิชาการ-ประชาชน ก้ำกึ่งในความหวัง

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า คาดหวังรัฐมนตรีใหม่จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดี และมีความโปร่งใส โดยหัวหน้าทีมเศรษฐกิจควรเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญเศรษฐศาสตร์มหภาค

“เราต้องคาดหวัง ผู้มาทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจที่มีวิสัยทัศน์ และสามารถมองปัญหาในเชิงระบบ ควรเป็นนักเศรษฐศาสตร์มหภาค และ เป็นนักบริหาร กล้าตัดสินใจ ต้องทำงานเป็นทีม เพราะไม่มีใครเก่งคนเดียว รู้ทุกเรื่อง หัวหน้าทีมต้องเป็นคนที่ตัดสินใจเก่ง กล้าตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ครบถ้วน เพราะต้องมาบริหารและแก้ปัญหาในช่วงวิกฤตการณ์และดูเหมือนว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงกว่าทุกครั้ง” นายอนุสรณ์ กล่าว

“แน่นอนที่สุด ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตจนเป็นที่ประจักษ์ มีความโปร่งใส ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ เพราะความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการลงทุนในการช่วยทำให้เราฝ่าวิกฤตได้ และผู้อำนาจรัฐต้องรับฟัง และนำข้อเรียกร้องของนักศึกษามาพิจารณาเรื่องไหนควรดำเนินการได้ เรื่องไหนควรทำในระยะต่อไป ควรต้องช่วยจัดให้นักศึกษาได้ชุมนุมอย่างปลอดภัย เพราะเยาวชนคนหนุ่มสาวมีความเสียสละ คิดถึงส่วนรวม เป็นเรื่องที่น่ายินดี” นายอนุสรณ์ กล่าวเพิ่มเติม

ขณะที่ นายศโรมรณ์ รอนดิน นักวิจัยชาวกรุงเทพฯ อายุ 29 ปี เชื่อว่าการแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ เป็นเพียงการเวียนถ่ายอำนาจของรัฐบาล เพราะไม่ได้เลือกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง

“การปรับ ครม. ไม่ได้เอาผู้มีความสามารถในแต่ละด้านเข้ามาจริงๆ ประชาชนไม่รู้ว่า มีดีลอะไรเบื้องหลังหรือเปล่า เหมือนการถ่ายเวียนอำนาจของตัวผู้เล่นที่มีอำนาจในพรรคร่วมรัฐบาล  ในยุคที่รัฐบาลทำงานมาเกิน 1 ปี เราคาดหวังการแก้ไขปัญหาที่ทันท่วงที เรื่องเศรษฐกิจ และโรคระบาด แต่ที่ผ่านมาเรายังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีความสามารถ หรือมีการตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้น หรือมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อแก้ปัญหาใดๆ” นายศโรมรณ์ กล่าว

นายดอน หอมมณี เจ้าของร้านอาหาร ชาวเชียงใหม่ อายุ 38 ปี เชื่อว่าคณะรัฐมนตรีใหม่ หากใช้นโยบายที่ดีน่าจะเรียกคะแนนเสียงได้

“สถานการณ์การเลิกจ้าง ปีนี้สูงมาก คนตกงานเยอะมาก และตลาดแรงงาน ถ้ารัฐบาลมีเงินพอในการดำเนินนโยบาย หรือกู้มาเหมาะสม ตอบโจทย์แรงงาน และกลุ่มรากหญ้าได้จะเป็นโอกาสที่ดี แต่ถ้าแจกเงินให้เปล่าให้แรงงานเลย ก็มองว่าไม่ยั่งยืน ยิ่งถ้ากู้มาแจกก็จะมีข้อครหาตามมาอีก แต่หากเป็นนโยบายสร้างงานให้ผู้ตกงานว่างงาน การอุดหนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการไม่ให้มีการเลิกจ้าง จะยั่งยืนกว่า และเป็นสิ่งที่รัฐบาลในหลายประเทศใช้อยู่” นายดอน กล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง