เกษตรกรจมกองหนี้ แค่การพักชำระหนี้ไม่เพียงพอ

ในจังหวัดยโสธรทางภาคอีสาน อานนท์ งิ้วลาย ทำนามาหลายสิบปีโดยที่เจ้าตัวอาศัยเงินกู้จากธนาคารเพื่อมาซื้อที่ดิน วัว ควาย ปุ๋ย และเครื่องมือในการทำนา

เมื่อปีที่ผ่านมา อานนท์ขอกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐ เพื่อซื้อรถแทร็กเตอร์ราคา 1.2 ล้านบาท (ราว $32,000) ในเดือนมีนาคม อานนท์จ่ายหนี้เงินกู้บางส่วนไปบ้างแล้ว แต่ตามอายุสัญญาหนี้ ยังเหลืออีกราว 8 ปีกว่าที่จะชำระหนี้หมด เมื่อถึงตอนนั้น อานนท์จะมีอายุ 73 ปี

อานนท์ก็เหมือนกับเกษตรกรชาวไทยคนอื่น ๆ ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่กระนั้นก็ยังขาดคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้สามปีของรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดย นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า โครงการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายในการรักษาฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้มีส่วนในการแก้ไขปัจจัยที่ผลักดันให้เกษตรกรไทยต้องประสบกับวิกฤตหนี้สินล้นพ้นตัว

"ตอนนี้เป็นเพียงการประคองคนไข้ คนไข้ก็ยังเป็นโรค" อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์กล่าว

โครงการนี้เป็นมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยสำหรับเกษตรกรที่มีเงินต้นคงเป็นหนี้คงเหลือทุกสัญญารวมกัน ไม่เกิน 300,000 บาท (ราว $8,351) มีการประเมินว่าโครงการนี้จะเข้าถึงเกษตรกรเพียงหนึ่งในสามของเกษตรกรจำนวน 8 ล้านครัวเรือนในประเทศไทยเท่านั้น

งานวิจัยจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ครัวเรือนเกษตรกรเป็นหนี้เฉลี่ยราว 450,000 บาท และ 57% ของจำนวนเกษตรกรที่เป็นหนี้ ไร้หนทางที่จะชำระหนี้ได้หมด

TH-farmers-debt-2.jpg
FILE - In this Friday, June 21, 2013, file photo, farmers cut grasses at a rice field in Ayutthaya province, central Thailand. The Thai government has chosen to allow continued use of paraquat and two other major herbicides despite mounting concerns over health risks, especially for farmers. (AP PhotoApichart Weerawong, File) (Apichart Weerawong/AP)

เกษตรกรช่วยกันตัดหญ้าที่ขึ้นในนาข้าว ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 21 มิถุนายน 2556 (อภิชาติ วีระวงษ์/เอพี)

"เราเน้นไปที่เกษตรกรรายย่อย เราต้องการช่วยกลุ่มที่เดือดร้อนที่สุดก่อน จำเป็นที่สุดก่อน" เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย

‘นโยบายประชานิยม’

นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า โครงการพักชำระหนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะคืนขวัญและกำลังใจให้กับเกษตรกร อย่างไรก็แล้วแต่ นโยบายที่คล้ายคลึงกันในอดีตหลายรัฐบาลที่ผ่านไม่สามารถแก้ไขวงจรหนี้สินที่ไม่สิ้นสุดของเกษตรกรไทยได้

ประเทศไทยมีปัญหาหนี้ครัวเรือนมาเป็นเวลานาน ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้ว่า ราวหนึ่งในสามของประชากร 71 ล้านคนกำลังประสบกับภาวะหนี้สิน โดยคิดเป็นจำนวนราว 90% ของจีดีพี โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อบ้าน ในขณะเดียวกัน หนี้สินเกษตรกรที่พุ่งสูงขึ้นก็อาจเพิ่มให้วิกฤตหนี้สินทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก เพราะในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมาหนี้สินครัวเรือนของเกษตรกรไทยพุ่งสูงขึ้นถึง 75%

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดคุยกับผู้สื่อข่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ วันที่ 5 กันยายน 2566 หลังจากนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณเข้ารับตำแหน่ง (ศักดิ์ชัย ละลิต/เอพี)

โครงการพักชำระหนี้เกษตรกรซึ่งใช้งบประมาณของรัฐมูลค่ากว่า 33,000 ล้านบาทในกรอบระยะเวลาสามปี เป็นหนึ่งในบรรดานโยบาย “ประชานิยม” ที่รัฐบาลใหม่ได้นำเสนอหลังการจัดตั้งรัฐบาลในเดือนสิงหาคม

โครงการอื่น ๆ ที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าจัดทำ รวมไปถึงนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ต้องอัดฉีดเงินกว่า 5.6 แสนล้านบาทเพื่อแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ประชาชนใช้สอยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหลายฝ่ายกล่าวว่าเป็นการแจกเงินแบบประชานิยมในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร

นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังมีแนวคิดเพิ่มเติม เช่น ลดค่าพลังงาน และขยายการพักชำระหนี้ให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มข้าราชการครู และเจ้าหน้าที่ตำรวจ อัทธ์ นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า รัฐบาลต้องอัดฉีดงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมโครงการหลุดพ้นจากการเป็นหนี้แต่อย่างใด

‘เลวร้ายยิ่งกว่าโครงการจำนำข้าว’

อาจิน จุ้งลก ประธานมูลนิธิเพื่อการปฏิรูปสิทธิลูกหนื้ กล่าวว่า “เท่าที่ฟังเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ดี ไม่ใช่ลูกหนี้ประเภท NPL ต้องดูว่าผิดกฏหมายการเงินการคลังหรือไม่”

อาจินเปรียบเทียบโครงการดังกล่าวกับ โครงการจำนำข้าวที่เกิดขึ้นในสมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นนโยบายรับซื้อข้าวจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าราคาในท้องตลาด

ในปี 2560 ยิ่งลักษณ์ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว หลังจากที่เธอถูกโค่นล้มโดยการรัฐประหารในปี 2557 มีการประเมินว่านโยบายดังกล่าวเป็นการสร้างหนี้สาธารณะราว 500,000 ล้านบาทด้วยกัน

“รัฐบาลเอาเงินภาษีประชาชนไปช่วยเจ้าหนี้ มันยิ่งกว่าจำนำข้าวอีก” อาจินกล่าว

ประชาชนจมกองหนี้

ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมและเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าว ทุเรียน และยางพารารายต้น ๆ ของโลก แต่เกษตรกรหลายล้านคนกลับตกอยู่ในวงจรแห่ง “หนี้อมตะ"

“กู้มาแล้ว ส่วนหนึ่งเอาไปกลบหนี้เดิม หนี้อมตะ รองลงมาปุ๋ย สารเคมี 35% เมล็ดพันธ์ 15%... เกษตรกรมักติดอยู่ในวังวนการผลิตเชิงเดี่ยว และจะเปลี่ยนที่ดินนั้นปลูกอย่างอื่นไม่ได้เพราะไม่ใช่เจ้าของที่ดิน” วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ธนาคารแห่งประเทศไทยวิเคราะห์ว่า ราคาปุ๋ยแพงขึ้น 11 เท่า หากเทียบกับราคาเมื่อ 50 ปีก่อน แต่ครัวเรือนเกษตรกรไทยมีรายได้ราว 260 บาท ($7.25) ต่อวันเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนเงินที่ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำโดยเฉลี่ยในปี 2565 ที่ 337 บาท ($9.40) เสียอีก

วิฑูรย์ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลชุดต่าง ๆ ที่ผ่านมาต่างออกนโยบายอุดหนุนราคาผลผลิตเพื่อรับประกันรายได้ของเกษตรกร แต่ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ปัญหาการถือครองที่ดินนั้นกลับไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาแก้ไข ในประเทศไทย เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินของตนเองแต่อย่างใด

TH-farmers-debt-4.jpg
A convoy of tractor-riding farmers return to their home after a demonstration on the highway in Ayutthaya province on February 21, 2014. Thousands of angry Thai rice farmers called off a threat to descend on Bangkok's main airport in a rare reprieve for the embattled government after months of opposition street protests. AFP PHOTO/PORNCHAI KITTIWONGSAKUL (Photo by PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP) (PORNCHAI KITTIWONGSAKUL/AFP)

กลุ่มเกษตรกรขับรถแทร็กเตอร์กลับบ้าน หลังการชุมนุมบนทางหลวง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 (พรชัย กิตติวงศ์สกุล/เอเอฟพี)

สมศักดิ์ โยอินชัย เกษตรกรที่จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีศึกษาในการหลุดจากวังวนแห่งการกู้หนี้ยืมสิน สมศักดิ์ ขอกู้จากธนาคารรัฐเมื่อ 20 ปีก่อน เพื่อเริ่มปลูกลำไย แต่กลับพบว่าต้นลำไยต้องใช้เวลา 4-5 ปีกว่าจะออกผล

“ตอนกู้ครั้งแรกปลูกลำไย สี่ปีแรกไม่ได้เลย ปีที่สามเริ่มมีปัญหา ภาระครอบครัว การศึกษาลูก เอาเงินไปใช้ตรงนั้น แต่ก่อนปลูกกระเทียม กะหล่ำ ก็เป็นรายได้ประคับประคองครอบครัวสี่ปีแรก” สมศักดิ์กล่าว

ในช่วงเวลานั้น สมศักดิ์ไม่สามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาการฟ้องร้องกับธนาคาร ขณะนี้ เขาเปลี่ยนมาปลูกสมุนไพรแล้ว

“ตอนนี้ปลูกขิง ข่า ตะไคร้ ผมทำน้ำมันหอมระเหยพืชสมุนไพร มีสปามาซื้อ”

อัทธ์ นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า กุญแจสำคัญในการแก้ไขวิกฤตหนี้สิน คือการแนะนำให้เกษตรกรปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด มากกว่าการพึ่งพิงการแทรกแซงตลาดของรัฐบาล เช่น โครงการแจกเงิน หรือเงินอุดหนุน

"หากจะทำให้คนไข้หรือชาวนาหายป่วย ต้องทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น ลดต้นทุน และปรับแนวทางการตลาดตามผู้บริโภค" อัทธ์กล่าว