รมว. ตปท. สหรัฐฯ คนใหม่ หวังประสานไทย-พันธมิตรสหรัฐฯ ไม่ให้ส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
2025.01.23
กรุงเทพฯ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ คนใหม่ กล่าวในวันรับรองตำแหน่ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เขาจะประสานกับประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ เพื่อไม่ให้มีการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน
มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาคนใหม่ชี้แจงว่า การปราบปรามชาวอุยกูร์ของรัฐบาลจีนก็มิใช่ “ประเด็นอะไรที่ไม่มีใครรับรู้” ที่จะต้องนำมาพูดคุยนอกกรอบความสัมพันธ์สหรัฐฯ และจีน
“พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ต้องถูกไล่ล่าเพียงเพราะประเด็นทางศาสนาและชาติพันธุ์ ต้องถูกจับกักขังในค่ายกักกัน ต้องถูกจับไว้ในสถานที่ที่เรียกว่า ค่ายอบรมให้การศึกษาใหม่ และถูกลดทอนตัวตนจนหมดสิ้น ชื่อของลูก ๆ ของพวกเขาก็ต้องถูกเปลี่ยน” เขากล่าวเสริมว่า
“นี่คือหนึ่งในสิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุดที่เคยเกิดขึ้น”
“พวกเขาถูกบังคับขู่เข็ญให้เป็นแรงงาน หรือที่เราเรียกกันว่า แรงงานทาสนั่นแหละ”
จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องแรงงานทาส ในเขตปกครองตนเองซินเจียง
กลุ่มผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มลี้ภัยชาวอุยกูร์ กว่า 350 คน กลุ่มนี้ประกอบไปด้วยผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก โดยมีผู้ลี้ภัยจำนวน 172 ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ประเทศตุรกี อีก 109 คน ถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน ส่วนอีก 5 คน เสียชีวิตเนื่องจากได้รับไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสมเพียงพอ
ในปี 2558 ประเทศไทยซึ่งเป็นพันธมิตรจากฝั่งภูมิภาคเอเชียกับกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มาอย่างยาวนานต้องรับมือกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างแข็งกร้าวจากนานาชาติ เนื่องจากได้ส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน ทว่าประเทศไทยมิได้ลงนามในอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยสถานะผู้ลี้ภัย พ.ศ. 2494 จึงไม่ได้รับรองผู้ลี้ภัย

ขณะที่ในวันพฤหัสบดีนี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า รัฐบาลไทยไม่มีแผนที่จะส่งตัวคนอุยกูร์จำนวน 48 ราย ผู้ถูกกักตัวมานานกว่าทศวรรษด้วยสภาพอิดโรยกลับประเทศต้นทาง และปฏิเสธข่าวว่า ทางการไทยจะส่งตัวบุคคลเหล่านี้กลับประเทศจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนอ้างว่า พวกเขาอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกทรมาน
ชาวอุยกูร์เป็นชนกลุ่มชาติพันธุ์ชาวมุสลิมจากภูมิภาคซินเจียง หรือเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (Xinjiang Uyghur Autonomous Region) ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน หลังจากที่พยายามหลบหนีการโดนปราบปรามของทางการจีนมาที่ประเทศไทย พวกเขาได้ถูกกักตัวอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตั้งแต่ปี 2557
Justice For All องค์กรสิทธิมนุษยชนสากลแถลงเมื่อไม่นานมานี้ว่า คนอุยกูร์ ที่ยังถูกควบคุมตัวระบุว่า เจ้าหน้าที่ชาวไทยบังคับให้พวกเขากรอกแบบฟอร์มเพื่อเตรียมตัวกลับประเทศจีน ทว่า พ.ต.อ. คธาธร คำเที่ยง โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ข้อมูลกับเรดิโอฟรีเอเชีย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า คนอุยกูร์จะไม่ถูกส่งตัวกลับประเทศ และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็ย้ำอีกว่า รัฐบาลไม่มีแผนที่จะส่งตัวคนอุยกูร์กลับประเทศจีน
“เราไม่มีนโยบายในการส่งตัวพวกเขากลับ ผมไม่ทราบว่าทำไมถึงมีการจุดประเด็นนี้ขึ้นมาได้” นายจิรายุ กล่าวกับเรดิโอฟรีเอเชีย
เมื่อถูกถามเรื่องจุดยืนของประเทศไทยต่อประเด็นดังกล่าว เขาตอบว่า “ผมไม่มีอะไรจะต้องชี้แจง” ทั้งยังตั้งคำถามต่อที่มาที่ไปของชุดข้อมูลว่า “ใครคือผู้ที่จุดประเด็นนี้ขึ้นมา”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญจากยูเอ็นได้เข้าร่วมกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนเพื่อแสดงความกังวลต่อชะตากรรมของชาวอุยกูร์ โดยเรียกร้องให้ทางการไทยยุติการส่งตัวพวกเขากลับประเทศ
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวที่รู้จักกันในนาม กระบวนการพิเศษโดยคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า “แนวทางการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ในประเทศจีนได้ถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน เรามีความกังวลว่า พวกเขากำลังมีความเสี่ยงที่จะต้องทรมานกับภาวะอันตรายที่ไม่สามารถเยียวยาได้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยหลักการห้ามผลักดันกลับไปเผชิญอันตรายที่ประเทศต้นทาง”
หลักการดังกล่าวป้องกันมิให้ส่งตัวผู้ที่ถูกกักตัวกลับไปยังประเทศที่พวกเขา “มีความเสี่ยงที่จะถูกทรมาน โหดร้ายทารุณ ไร้ซึ่งมนุษยธรรม หรือถูกลดทอนและเหยียบย่ำความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง”
เรดิโอฟรีเอเชีย สำนักข่าวออนไลน์ร่วมเครือกับเบนาร์นิวส์