ทนายคดีระเบิดราชประสงค์ ร้องศาลอาญาปล่อยตัวผู้ต้องกักอุยกูร์

ภิมุข รักขนาม และ นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2025.01.30
กรุงเทพฯ
ทนายคดีระเบิดราชประสงค์ ร้องศาลอาญาปล่อยตัวผู้ต้องกักอุยกูร์ ชูชาติ กันภัย ทนายความคดีระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว หลังยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชาวอุยกูร์ 42 คนที่ถูกกักขังมานานกว่า 10 ปี วันที่ 30 มกราคม 2568
ภิมุข รักขนาม /เรดิโอฟรีเอเชีย

นายชูชาติ กันภัย และนายจำเริญ พนมภคากร ทนายความฝ่ายจำเลย คดีระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ปี 2558 ได้ร้องต่อศาลอาญาขอให้ปล่อยตัวผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ 42 คน ซึ่งถูกควบคุมตัวโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

“วันนี้เรามายื่นคำร้องเพื่อให้ปล่อยตัวชาวอุยกูร์ จำนวน 42 ราย ที่ถูกกักขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยจะมีการนัดไต่สวนครั้งแรก ในวันที่ 17 ก.พ. 68 เมื่อเรามายื่นคำร้องต่อศาลแล้วมันจะตัดอำนาจฝ่ายบริหาร แม้การส่งกลับจะเป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร แต่เมื่อเรายื่นคำร้องต่อศาล และคดีอยู่ในอำนาจของศาลแล้วรัฐบาลจะไม่สามารถก้าวก่ายคดีนี้ได้” นายชูชาติ ระบุ

“ผู้ต้องกักจำนวน 42 ราย ถูกกักตั้งแต่ช่วงปี 2013 ถึง ปี 2025 (พ.ศ. 2556-2568) อันเป็นเวลาล่วงกว่า 10 ปี กรณีแน่ชัดว่าผู้ต้องกักทุกรายได้รับโทษตามกฎหมายและพ้นโทษมาเป็นเวลานานแล้ว อีกทั้งมีบางรายที่มิได้ถูกดำเนินคดีแต่ถูกกักขัง กรณีการกักขังดังกล่าวจึงเป็นการมิชอบด้วย” นายชูชาติ กล่าวเพิ่มเติม

นายชูชาติ และนายจำเริญ เดินทางไปยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกในเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากเมื่อต้นเดือน ม.ค. 2568 Justice For All องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล ได้รณรงค์โครงการ #SaveUyghur เรียกร้องให้ รัฐบาลไทยยุติความพยายามที่จะส่งผู้ลี้ภัยอุยกูร์ 48 คน กลับไปยังประเทศจีน 

“ผู้ร้องอาศัยมาตรา 90 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในฐานะประกอบอาชีพทนายความ จึงประทานกราบเรียนมาเพื่อขอศาลได้โปรดดำเนินการไต่สวนฝ่ายเดียวโดยมีคำสั่งให้เรียกพยานที่เกี่ยวข้องหรือ… เบิกตัวผู้ถูกคุมขังทั้ง 42 ราย หากผู้คุมขังแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลไม่ได้ว่าการคุมขังเป็นการชอบด้วยกฎหมาย ขอศาลได้โปรดมีคำสั่งปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังทั้ง 42 รายนี้ไปทันที” นายชูชาติ กล่าว

ในแถลงการณ์ของ Justice For All ช่วงต้นเดือนระบุว่า คนอุยกูร์ซึ่งถูกกักในห้องกัก สตม. ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 8-9 ม.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของห้องกักได้นำเอกสารมาให้ผู้ต้องกักชาวอุยกูร์กรอก ซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับการสมัครใจกลับประเทศ ขณะเดียวกัน ผู้ต้องกักยังถูกถ่ายรูป และกดดันด้วยวาจาจากเจ้าหน้าที่ว่า จะเนรเทศกลับจีน ซึ่งผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ได้ประท้วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการอดอาหาร 

เกี่ยวกับประเด็นเดียวกัน นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน ชี้ว่า ไทยควรยกเลิกแผนส่งคนอุยกูร์ไปจีน และดูแลด้านสุขภาพแก่ผู้ต้องกัก

"ไม่เห็นด้วยกับการส่งชาวอุยกูร์กลับ ซึ่งศาลอาจเชิญใครก็ได้มาให้ปากคำในการไต่สวน รวมถึงเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และถ้าศาลเชื่อว่า จีนจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเป็นธรรม นั่นจะเป็นความเสี่ยงกับชาวอุยกูร์ ชาวอุยกูร์ได้อดอาหารประท้วง และจำเป็นต้องมีการจัดการดูแลด้านการแพทย์ อยากแนะนำให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอนุญาตให้คณะกรรมการช่วยเหลือระหว่างประเทศ (IRC) เข้าให้ความช่วยเหลือในห้องกักขัง” นางอังคณา กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ทั้งนี้ในเอกสารคำร้องของทนายความ ระบุว่า ปัจจุบัน มีคนอุยกูร์เหลือในห้องกัก 48 คน แบ่งเป็น ผู้ต้องกัก 42 คน และ 5 คน กำลังรับโทษจากความพยายามในการหลบหนี และระหว่างปี 2557 ถึงปัจจุบัน มีคนอุยกูร์อย่างน้อย 5 คน ที่เสียชีวิตระหว่างถูกกักตัว โดย 2 จาก 5 ผู้เสียชีวิต ยังเป็นเด็กอยู่ด้วย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข้อขัดแย้งส่งอุยกูร์กลับจีน

ก่อนหน้านี้ สำนักงานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้หารือกับจุฬาราชมนตรี และเสนอให้รัฐบาลไทยไม่ส่งตัวคนอุยกูร์ไปยังจีน เนื่องจากเห็นว่าจะมีผลกระทบต่อทั้งตัวคนอุยกูร์ และประเทศไทยเอง

“ท่านจุฬาราชมนตรี เห็นสอดคล้องกับทาง กสม. และรับที่จะสื่อสารกับทางรัฐบาลอีกทางหนึ่ง เพื่อช่วยกันรักษาผลประโยชน์และภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลก รวมถึงโลกมุสลิม การส่งตัวผู้ต้องกักชาวอุยกูร์กลับสาธารณรัฐประชาชนจีน อาจทำให้ผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ได้รับอันตรายถึงชีวิต ไม่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนที่ห้ามผลักดันบุคคลกลับไปสู่อันตราย ยังกระทบต่อความเชื่อมั่นของนานาชาติ ตลอดจนความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศมุสลิม” ผศ. สุชาติ เศรษฐมาลินี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าว

หลังจากมีข่าวว่าไทยอาจส่งผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ไปยังจีน เบนาร์นิวส์ได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ. คธาธร คำเที่ยง โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งได้คำตอบว่า “(การส่งตัวหรือไม่) ยังอยู่ในระหว่างการประชุมอยู่ ระหว่างการพิจารณาอยู่ครับ ถ้าได้ข้อสรุปยังไงแล้วเราจะมีการแถลงข่าว” 

ขณะที่ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2557 ไทยเคยผลักดันคนอุยกูร์เพศชาย 109 คน กลับไปยังจีน ขณะที่ส่งคนอุยกูร์เพศหญิง และเด็กไปยังตุรกี 173 คน ซึ่งหลังจากนั้น ได้เกิดเหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ในเดือน ส.ค. 2558 ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า เป็นความพยายามในการตอบโต้การส่งกลับดังกล่าว

ปลายเดือน ส.ค. 2558 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายอาเด็ม คาราดัก หรือบิลาล โมฮัมเหม็ด ที่พูนอนันต์อพาร์ทเม้นต์ ย่านหนองจอก ต่อมานายไมไรลี ยูซูฟู ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ทั้งคู่เป็นคนเชื้อสายอุยกูร์ มีภูมิลำเนาอยู่เมืองอุรุมชี เขตปกครองพิเศษซินเจียง อุยกูร์ (XUAR) ประเทศจีน ถูกจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัยร่วมกันก่อเหตุระเบิดดังกล่าว

ปัจจุบัน คดีระเบิดราชประสงค์ยังคงอยู่ในการพิจารณาของศาลอาญากรุงเทพใต้ นายคาราดัก และยูซูฟู ถูกควบคุมตัวในเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ตลอดมาร่วม 10 ปี โดยมีสุขภาพที่ย่ำแย่และทรุดโทรม

ชาวอุยกูร์ คือ กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (Xingjiang Uyghur Autonomous Region - XUAR) องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล ระบุว่า ชาวอุยกูร์ เป็นชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมที่ถูกกดขี่ข่มเหงจากรัฐบาลจีน

สหประชาชาติ (UN) เคยรายงานว่า จีนกักขังชาวมุสลิมและชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ จำนวน 1.8 ล้านคน ในค่ายกักกัน โดยถูกทรมาน บังคับทำหมัน บังคับใช้แรงงาน รวมถึงถูกห้ามให้ปฏิบัติตามประเพณีด้านภาษา วัฒนธรรม และศาสนา

“สิ่งที่ครอบครัวชาวอุยกูร์ไม่เข้าใจว่า เหตุใดญาติพี่น้องของเขาที่เข้าเมืองผิดกฎหมายต้องถูกปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากรร้ายแรง ถูกจองจำเป็นเวลา 12 ปี จนชาวอุยกูร์ที่อยู่ในห้องกักอดข้าว บางคนมีไตข้างเดียว ญาติจึงเป็นห่วง ไม่มีใครอยากเห็นศพที่ 3 หรือศพที่ 4 พวกเขามองว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีศีลธรรมเป็นเมืองพุทธ ขอให้ประเทศนี้ปฏิบัติกับผู้ต้องหาด้วยหลักศีลธรรมด้วย” ผศ. สุชาติ กล่าว


ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง