การเมืองไทย : โพล่งสิ่งที่คิดออกมา
2023.02.16
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภาของไทย ได้โพสต์ลงบนหน้าเฟซบุ๊กของเขาว่า เขาและเพื่อนสมาชิกวุฒิสภากลุ่มหนึ่งจะไม่เลือก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนเสียงมากกว่าพรรคอื่น หรือจะได้คะแนนเสียงเกินครึ่งในสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกตั้งวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ก็ตาม นับจากวันนั้นมา วุฒิสภาและ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่างได้พยายามปฏิเสธไม่เห็นตามคำกล่าวของนายวันชัย แต่สิ่งเดียวที่นายวันชัยพลาดก็คือ การเผยสิ่งที่คิดออกมา
เมื่อกระทำรัฐประหารในปี 2557 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้นำทหารคนอื่น ๆ ได้แสดงเจตจำนงออกมาว่าจะไม่ก่อรัฐประหารซ้ำอีก กลุ่มนักกฎหมายหัวอนุรักษ์นิยมจัดที่ฝักใฝ่ฝ่ายทหาร ซึ่งเป็นผู้เขียนรัฐธรรมนูญไทยปี 2560 ก็พยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอีก
ส่วนสำคัญคือ วุฒิสภา หรือสภาสูงที่ประกอบด้วยสมาชิก 250 คน ผู้ได้รับการคัดเลือกมากับมือโดยผู้นำทหาร สมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่เป็นทหารและตำรวจ ส่วนที่เหลือจำนวนมากก็เป็นทหารที่เกษียณแล้วหรือกลุ่มชนชั้นนำ
วุฒิสภาไทยมีลักษณะที่แปลกไปจากประเทศอื่น เพราะมีบทบาทโดยตรงในการเลือกบุคคลที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้น การได้เสียงเกินครึ่งในสภาผู้แทนราษฎรจากทั้งหมด 500 ที่นั่ง หรือการสามารถรวมเสียงจากพรรคอื่นเข้ามาจนได้เสียงข้างมาก จึงยังไม่เพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้
ผู้นำการเมืองที่ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างชัดเจนจากฝ่ายทหารและกลุ่มชนชั้นนำ จะต้องได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า 376 ที่นั่ง จึงจะทำให้วุฒิสภาไม่สามารถใช้สิทธิ์การยับยั้งได้
และแม้วุฒิสภาจะพยายามเหลือเกินที่จะบอกว่า ไม่ได้ขัดขวางอะไร แต่คำพูดนี้ก็ฟังไม่ขึ้นเลย เพราะวุฒิสมาชิกส่วนใหญ่จากทั้งหมด 250 คน เป็นทหารและตำรวจในเครื่องแบบ ผู้ที่รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ถ้าได้รับคำสั่งให้เลือกแคนดิเดตคนใดก็ตาม บุคคลเหล่านี้ก็จะเลือกคนนั้น สำหรับวุฒิสมาชิกส่วนที่เหลือนั้น หน้าที่ของพวกเขาตั้งแต่ปี 2562 ก็ชัดเจนอยู่แล้ว นั่นคือ การขับตระกูลชินวัตรออกจากการเมืองไทย เมื่อปี 2562 วุฒิสภาลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ ให้ พล.อ. ประยุทธ์ จัดตั้งรัฐบาลผสมที่ประกอบด้วยหลายพรรค แม้จะมีเสียงไม่เห็นด้วยบ้างก็ตาม
น่าที่จะยกเอาความเห็นของนายวันชัยมาลงไว้ตรงนี้ด้วยว่า “ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ของเล่นของใคร หรือของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง” นี่เป็นการพาดพิงเป็นนัยถึงตระกูลชินวัตร ที่มีคนในตระกูลสองคนเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งคู่ถูกรัฐประหารโค่นล้มอำนาจในปี 2549 และ 2557
“นายกคือหน้าตาของคนทั้งประเทศ จะไปเที่ยวจับใครยัดมาเป็นเหมือนที่เคยเป็นมาแล้วคงไม่ได้ ถือว่าเป็นการตบหน้าประชาชนคนไทยและสมาชิกรัฐสภาทั้งสภา”
ผลการสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น พรรคเพื่อไทยน่าจะได้คะแนนเสียงมากกว่าพรรคอื่น และอาจได้คะแนนเสียงข้างมาก พรรคเพื่อไทยเคยได้แบบนี้มาก่อน ที่จริงแล้ว พรรคเพื่อไทยและพรรคอดีตก่อนที่จะมาเป็นพรรคเพื่อไทย เป็นเพียงพรรคเดียวที่เคยชนะคะแนนเสียงข้างมากในสภา ผลการสำรวจพบว่า สำหรับบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ น.ส. แพทองธาร มาเป็นอันดับ 1 ที่ร้อยละ 34 ทิ้งห่าง พล.อ. ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในทุกภาคของประเทศ ตามผลการสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 แม้พรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนเสียงมากกว่าพรรคอื่นก็ตาม แต่ไม่ได้รับโอกาสให้จัดตั้งรัฐบาลตามแนวทางปฏิบัติทั่วไปของระบบรัฐสภาแบบอังกฤษ เพราะวุฒิสภาลงคะแนนเสียงคัดค้าน
และนายวันชัยก็เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า น่าจะเป็นอย่างนั้นอีกในปี 2566 “ผมได้เห็นมาเต็มสองลูกตา ได้ยินมาเต็มสองรูหูว่า เพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ก็แลนด์สไลด์ไป เพื่อไทยจะเลือกอุ๊งอิ๊งเป็นนายก ก็เป็นเรื่องของเพื่อไทย แต่พรรคผมและพวกผมไม่เลือกแน่นอน นั่นก็หมายความว่า ถ้าอุ๊งอิ๊งจะเป็นนายกฯ เพื่อไทยจะต้องรวมเสียงของพรรคพวกตนให้ได้ถึง 376 เสียง และเสียงเหล่านั้นทุกคนต้องยอมรับในตัวอุ๊งอิ๊ง”
ขณะนี้ รัฐบาล กองทัพ และวุฒิสภา ต่างกำลังพยายามเบนความกังวลที่ว่า พวกตนจะโกงการเลือกตั้งอีก โดยกล่าวว่า ความเห็นของนายวันชัยเป็นของนายวันชัยคนเดียว “ผมควบคุมวุฒิสภาไม่ได้ ส.ว. มีความเห็นของตัวเอง” พล.อ. ประยุทธ์ บอกแก่ผู้สื่อข่าว โดยพยายามไม่แสดงความรู้สึกออกมา
พล.อ. ประยุทธ์ และคนอื่น ๆ ต่างย้ำว่า ส.ว. ลงคะแนนเสียงตามวิจารณญาณของตน นี่แหละคือวิจารณญาณของผู้ที่สนับสนุนคณะรัฐประหารสองคณะ เพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
วุฒิสภาได้พยายามส่งสัญญาณว่า จะไม่ยับยั้งเจตจำนงของประชาชน และจะสนับสนุนผู้ที่ได้เสียงข้างมาก แต่นี่เป็นคำประกาศที่ไม่มีผลผูกพัน ไม่ใช่กฎหมาย พวกเขากลัวความคิดเห็นของประชาชนที่ว่าจะมีการโกงการเลือกตั้งอีก แต่พวกเขาก็ยังจะทำ
ส่วน น.ส. แพทองธาร เธอช่างไม่ประสีประสาจริง ๆ ที่เชื่อว่า วุฒิสภาจะรับรองให้เธอเป็นนายกรัฐมนตรีแม้ว่าพรรคของเธอจะชนะการเลือกตั้ง เมื่อดูจากประวัติศาสตร์การเมืองไทยเมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มชนชั้นนำและทหารจะไม่ยอมให้ลูกสาววัย 36 ปี ขึ้นมาเป็นนายกฯ หุ่นเชิดของพ่อ ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับว่าทุกอย่างที่ทำมาตลอด 17 ปี และการทำรัฐประหารสองครั้ง เป็นการสูญเปล่า
ส่วนทางด้านพรรคเพื่อไทยได้เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สองคนที่ไม่ก่อให้เกิดข้อโต้เถียงเท่าไหร่นัก นั่นคือ นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค และ นายเศรษฐา ทวีสิน เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ยากที่จะเห็นคนเหล่านี้ได้รับแม้แต่โอกาสที่จะจัดตั้งรัฐบาล
สำหรับการเมืองไทยแล้ว เห็นได้ชัดว่า ผู้แพ้จะได้หมดทุกอย่าง... เพียงแต่คุณอย่าพูดสิ่งที่คิดออกมาเท่านั้น
ซาคารี อาบูซา เป็นอาจารย์ประจำที่เนชั่นแนล วอร์ คอลเลจ และอาจารย์พิเศษ ที่มหาวิทยาลัยจอร์จ ทาวน์ ในกรุงวอชิงตัน ความคิดเห็นที่แสดงไว้ในบทความนี้เป็นของผู้เขียนเอง และไม่ได้สะท้อนถึงจุดยืนของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เนชั่นแนล วอร์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยจอร์จ ทาวน์ หรือ เบนาร์นิวส์