ไทยปล่อยให้รัฐเพื่อนบ้านเข้าล่าตัวฝ่ายค้านในแผ่นดินไทย

ตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 รัฐไทยกลายเป็นผู้สมคบคิด หรือไม่ก็ปิดหูปิดตาต่อการกระทำของรัฐประเทศอื่น
บทวิเคราะห์โดย ซาคารี อาบูซา
2025.01.13
ไทยปล่อยให้รัฐเพื่อนบ้านเข้าล่าตัวฝ่ายค้านในแผ่นดินไทย ภาพจากสต็อกอะโดบี
อแมนดา ไวส์โบรด์/เรดิโอฟรีเอเชีย

แม้แต่ตามมาตรฐานของประเทศกัมพูชาเอง การโจมตีบุคคลฝ่ายค้านเยี่ยงนี้ ก็ยังถือว่าเป็นการกระทำที่น่าอดสูยิ่ง

จากเหตุการณ์จ่อยิง ลิม กิมยา วัย 73 อดีต สส. พรรคกู้ชาติกัมพูชาที่ถูกยุบไปแล้ว ถูกมือปืนลอบยิงเสียชีวิต ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา

เหตุการณ์สังหารครั้งล่าสุดนี้สะท้อนรูปแบบการก่อเหตุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีส่วนรู้เห็นในการสังหาร หรือส่งตัวผู้เห็นต่างฝ่ายค้านจากประเทศเพื่อนบ้านคืน หรืออย่างน้อยก็ทำเมินเฉยว่า กองกำลังจากรัฐเพื่อนบ้านกำลังดำเนินการนอกกฎหมายอยู่ภายในประเทศของตน

แม้เหตุการณ์ลักษณะนี้จะดำเนินต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ในเมื่อมีบทลงโทษจากทางการเพียงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงดูเหมือนจะดำเนินการอย่างไม่เกรงกลัว และมักจะละเมิดหลักการไม่ผลักดันกลับ (non-refoulement) ซึ่งถือเป็นกฎหมายจารีตระหว่างประเทศ

2 th-cambodia-opposition-killing.jpg
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกลางยืนใกล้จุดที่ นายลิม กิมยา อดีต สส. กัมพูชา ถูกยิงในกรุงเทพ วันที่ 7 มกราคม 2568 (ลิเลียน สุวรรณรัมภา/เอเอฟพี)

ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของปัญหาดังกล่าว เนื่องจากเป็นแม่เหล็กดึงดูดแรงงานอพยพหรือผู้ลี้ภัยจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีฐานะยากจนกว่า ทว่าทางการไทยดูจะเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลเผด็จการเพื่อนบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ  รวมทั้ง ไร้ความสามารถที่จะป้องกันไม่ให้กองกำลังจากต่างแดนเข้ามาปฏิบัติการอย่างผิดกฎหมายในประเทศของตน

ทางการจีนได้หมายหัวผู้มีความเห็นต่างทางการเมืองที่พำนักอยู่ในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลานาน เช่น กุ้ย หมินไห่ เจ้าของร้านหนังสืออิสระในฮ่องกง ผู้ถูกอุ้มหายไปจากบ้านพักในพัทยา เมื่อปี 2558 หรือ ลี่ ซิ่น นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ผู้ถูกอุ้มหายขณะที่อยู่ในประเทศไทยในปีต่อมา

ซึ่งทั้งสองกรณียังไม่ปรากฏชัดเจนว่าทางการไทยได้ร่วมมือกับทางการจีนหรือไม่ แต่การตัดสินของรัฐไทยสะท้อนให้เห็นถึงความไม่สมดุลทางอำนาจระหว่างประเทศไทยและจีนอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม สมดุลทางอำนาจถือเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกัน

รายงานล่าสุดขององค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวถึงนิยามการแลกผู้เห็นต่างของกันและกันของรัฐบาลแบบผิดกฎหมายว่าเป็น “ตลาดแลกเปลี่ยน” (Swap Mart) และถึงแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานระบุถึงข้อตกลงอย่างเป็นทางการระหว่างประเทศดังกล่าว แต่เห็นได้ชัดว่ามีการร่วมมือกันหลายต่อหลายครั้ง

สมบัด สมพอน นักพัฒนาสังคมและนักเคลื่อนไหวชาวลาว ถูกทางการลาวอุ้มหายไปในเดือนธันวาคม 2555 หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว หรือ อนุซา หลวงสุพรม นักเคลื่อนไหวชาวลาววัย 25 ปี ก็ถูกลอบยิงในเดือนเมษายน 2566

ยื่นหมูยื่นแมว

แม้จะไม่ใช่กรณีโด่งดัง แต่บรรดานักเคลื่อนไหวกลุ่มลาวเสรีที่พำนักอยู่ในประเทศไทยก็ถูกหมายหัวเช่นเดียวกัน

ในเดือนสิงหาคม 2562 อ๊อด ไชยะวง วัย 34 ปี ซึ่งเป็นนักกิจกรรมกลุ่มลาวเสรีและเพื่อนร่วมบ้านของเขา ได้หายตัวไปจากบ้านพักในกรุงเทพฯ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยทำเพิกเฉย อีกทั้งการสอบสวนก็ได้หยุดชะงักไป

3 th-cambodia-opposition-killing.jpg
นายอ๊อด ไชยะวง นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของลาว อ่านแถลงการณ์ในการประท้วงที่กรุงเทพฯ วันที่ 16 มิถุนายน 2562 (เรดิโอฟรีเอเชีย)

ในเดือนพฤษภาคม 2566 บุญส่วน กิตติยาโน นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวลาว วัย 56 ปี และเป็นผู้ที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (The United Nations High Commissioner for Refugees หรือ UNHCR) ถูกยิงเสียชีวิต ในจังหวัดอุบลราชธานี

เหตุการณ์เหล่านี้อาจจะเป็นข้อเสนอของการแลกเปลี่ยนยื่นหมูยื่นแมว ระหว่างทางการไทยและลาว

หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อรัฐประหารในปี 2557 นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนประชาธิปไตยชาวไทยก็เริ่มลี้ภัยไปที่ประเทศลาว

ในช่วงเดือนเมษายน 2561 พล.ต. สุวอน เลืองบุนมี หัวหน้ากรมใหญ่ เสนาธิการกองทัพประชาชนลาว ให้ความร่วมมือกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการตามล่าตัวผู้เห็นต่างทางการเมืองชาวไทย

เหล่านักเคลื่อนไหวถูกอุ้มหาย

ความร่วมมือในการตามล่านักเคลื่อนไหวยังคงดำเนินต่อไป ในเดือนมิถุนายน 2559 อิทธิพล สุขแป้น นักเคลื่อนไหวผู้วิพากษ์วิจารณ์ระบอบกษัตริย์ชาวไทยหายตัวไป และต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2560 วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ถูกอุ้มหายและไม่มีใครพบเจอตัวอีกเลยนับจากนั้น

ในเดือนมกราคม 2562 ร่างของนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยชาวไทยสองราย คือ ชัชชาญ บุปผาวัลย์ วัย 56 ปี และ ไกรเดช ลือเลิศ วัย 46 ปี ถูกพบเป็นศพในกระสอบลอยน้ำบริเวณริมแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม ทั้งสองศพอยู่ในสภาพถูกใส่กุญแจมือ มัดเท้า และคว้านท้องยัดปูนซีเมนต์ถ่วงลงแม่น้ำ

ด้าน สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยวั ย 78 ปี หายตัวไปในช่วงเวลาเดียวกัน และยังคงเป็นผู้สูญหายมาจนถึงปัจจุบัน

ในปี 2563 วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทยถูกลักพาตัวไปจากถนนในเมืองพนมเปญ

4 th-cambodia-opposition-killing.jpg
นักเคลื่อนไหวชูรูปของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ขณะประท้วงในกรุงเทพฯ เรียกร้องให้มีการสอบสวน การหายตัวไปของนักเคลื่อนไหวชาวไทย วันที่ 12 มิถุนายน 2563 (อธิษฐ์ พีระวงศ์เมธา/รอยเตอร์)

และเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ส่งตัวสมาชิกพรรค CNRP จำนวน 6 ราย ซึ่งเป็นผู้หญิง 4 ราย ผู้ชาย 2 ราย และเด็กอีก 1 ราย กลับไปที่ประเทศกัมพูชา โดยผู้ลี้ภัยทั้ง 6 ราย หนีอออกมาจากประเทศต้นทางตั้งแต่ปี 2565 และถูกแจ้งข้อหากบฏทันทีที่เดินทางกลับถึงประเทศกัมพูชา

ทว่า ไม่มีการประสานความร่วมมือมากนัก ระหว่างรัฐบาลไทยและมาเลเซีย

กองกำลังความมั่นคงของมาเลเซียเริ่มรู้สึกไม่พึงพอใจกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน การวิสามัญฆาตกรรม และความไร้ความรับผิดชอบโดยรวมของทหารไทยในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนมลายูก่อความไม่สงบในระดับต่ำ มาร่วม 21 ปี

แต่ในบางช่วงเวลา ทั้งสองฝ่ายก็มีการประสานความร่วมมือกันบางคราว เห็นได้จากเดือนกันยายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยจับกุม และส่งตัวกลับประเทศมาเลเซีย นูร ซาญัต หญิงข้ามเพศผู้ประกอบธุรกิจเครื่องสำอางที่ถูกศาลมาเลเซียไต่สวนในคดีดูหมิ่นศาสนาอิสลาม เนื่องจากไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าศาลอิสลาม

 5 th-cambodia-opposition-killing.jpg

สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความประหลาดใจไม่น้อย เมื่อพิจารณาทัศนคติและกฎหมายประเด็น LGBTQ ที่ก้าวหน้าเป็นอย่างมากของไทย ในขณะที่มาเลเซียมีการบังคับใช้นโยบายที่รุนแรงเกินเหตุ ซึ่งรวมถึงการบังคับให้บำบัดเพื่อเปลี่ยนรสนิยมทางเพศ

ยื่นมือช่วยเหลือทางการเวียดนาม

ประเทศที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากความร่วมมือ หรือการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นของรัฐบาลไทยมากที่สุดในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาคือ ประเทศเวียดนาม

ในเดือนมกราคม 2562 ทางการไทยได้จับกุมตัว เจือง ซุย เญิ๊ต บล็อกเกอร์ชาวเวียดนาม และนักข่าวของเรดิโอฟรีเอเชีย (RFA) ผู้กำลังดำเนินการทำเรื่องขอสถานะผู้ลี้ภัย และส่งตัวเขาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเวียดนาม ผู้ที่ลักลอบส่งตัวเขาข้ามชายแดนลาวไปยังประเทศเวียดนาม

โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยปฏิเสธว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง

ในเดือนมีนาคม 2563 ศาลเวียดนามตัดสินจำคุกเญิ๊ต เป็นเวลา 10 ปี ในข้อหาฉ้อโกง โดยย้อนไปสอบสวนคดีที่เก่าแก่เกือบ 20 ปี เกี่ยวกับการซื้อที่ดินให้สำนักงานของหนังสือพิมพ์ ณ เวลาที่เขาทำงานเป็นบรรณาธิการให้กับ ได ดอน เข็ด (Dai Doan Ket) หนังสือพิมพ์รัฐในเมืองดานัง

เญิ๊ต ได้ลี้ภัยเข้ามาในประเทศไทยในปี 2559 หลังจากที่ถูกจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ในข้อหา “ใช้ตำแหน่งและอำนาจในทางมิชอบ” หลังจากที่เขียนบล็อกวิพากษ์วิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์

ในเดือนเมษายน 2566 กองกำลังความมั่นคงเวียดนามลักพาตัว ดวง วาน ไถ นักข่าวชาวเวียดนามไปอย่างผิดกฎหมาย จากบริเวณนอกบ้านของเขา ด้านเหนือของกรุงเทพฯ ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพตอนเขากำลังกรีดร้องไว้ได้

ไถ อพยพเข้ามาในประเทศไทยในปี 2562 เนื่องจากหวาดกลัวว่าจะถูกทางการเวียดนามปราบปราม และกำลังดำเนินการยื่นเรื่องเพื่อขอสถานะผู้ลี้ภัย

ประชาธิปไตยที่แท้จริงของไทย

ในขณะที่รัฐบาลเวียดนามอาจจะเกรงกลัวว่าจะถูกดำเนินการ หากบุกไปจับตัวฝ่ายตรงข้ามจากถนนสักแห่งในประเทศเยอรมน พวกเขากลับมั่นใจอย่างเห็นได้ชัด ว่าสามารถปฏิบัติการได้อย่างไม่เกรงกลัวความผิด และได้รับการอนุญาตโดยปริยาย หากอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อีกทั้งทางการเวียดนามยังได้ดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามกระบวนการทางกฎหมายด้วย

ในช่วงกลางปี 2567 รัฐบาลไทยได้ส่งตัว อี ควิน เบอดั๊บ นักเคลื่อนไหวชาวมองตานญาด วัย 32 ปี กลับประเทศเวียดนาม ถึงแม้ว่า เบอดั๊บจะอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2561 และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจาก UNHCR เรียบร้อยแล้ว

เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ศาลอาญาตัดสินให้ส่งตัวเบอดั๊บ กลับประเทศต้นทาง แม้ว่าเขาจะต้องโทษจำคุก 10 ปี หลังจากที่ถูกพิจารณาและตัดสินในข้อหา “ก่อการร้าย” และเจ้าตัวได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่เขาลี้ภัยอยู่ในประเทศไทย

6 th-cambodia-opposition-killing.jpg
นายจิ่ง ซวนถั่น อดีตผู้บริหารเครือปิโตรเลียมของรัฐบาลเวียดนาม ถูกนำตัวขึ้นศาลในกรุงฮานอย เวียดนาม เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2561 โดยถั่น ถูกลักพาตัวมาจากเยอรมนี (สำนักข่าวเวียดนาม/เอเอฟพี)

ที่น่าตกใจไปกว่านั้น เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งจากบริเวณที่ราบสูงตอนกลาง จังหวัดดั๊กลักและเกียงหยาง ประเทศเวียดนาม ได้เดินทางมาที่ประเทศไทยเพื่อสัมภาษณ์ชุมชนชาวมองตานญาด โดยมีจุดประสงค์เพื่อสืบข้อมูลที่อยู่ของเบอดั๊บ รวมถึงสร้างความกดดันให้กับผู้แสวงหาที่ลี้ภัยให้กลับไปยังประเทศของตน

ซึ่งทางการเวียดนามไม่น่าจะปฏิบัติการได้อย่างเปิดเผย หากทางการไทยมิได้อนุมัติหรือสนับสนุน

ในเดือนมกราคม 2567 ผู้ต้องสงสัยชาวมองตานญาด กว่า 100 ราย ถูกศาลพิจารณาและตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อจลาจล เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 9 ราย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 ราย รวมถึงสำนักงานเทศบาลที่ถูกเผา ผู้ต้องสงสัยจำนวน 53 ราย ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐาน "ก่อการร้ายต่อรัฐบาลของประชาชน"

แม้ว่าเราไม่ควรแปลกใจกับการดำเนินการของกองกำลังประเทศลาว กัมพูชา หรือเวียดนาม แต่ประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นประเทศที่ปกครองด้วยหลักประชาธิปไตยอย่างชัดเจน

ทว่า นับตั้งแต่การทำรัฐประหารในปี 2557 รัฐไทยกลายเป็นผู้สมคบคิด หรือไม่ก็ปิดหูปิดตาเมื่อกองกำลังจากต่างแดนตามล่าตัวนักโทษการเมืองจากประเทศของพวกเขา

รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่นำโดย แพทองธาร ชินวัตร กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาล หลังจากที่ศาลได้ปลด เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนก่อน ออกจากตำแหน่ง อีกทั้งกองทัพทหารก็ได้สร้างแรงกดดันในระดับที่รัฐบาลไทยทุกยุคทุกสมัยไม่สามารถแสดงตนต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ในทุกกรณี

ดังนั้นรัฐบาลไทยจึงต้องสร้างความมั่นใจว่า สามารถจะนำกลุ่มผู้ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่นอกประเทศมาดำเนินการได้ ประเทศไทยจึงเลือกที่จะเป็นศูนย์กลางของข้อตกลงไม่เป็นทางการนี้ เพื่อชี้เป้าหมายกลุ่มผู้เห็นต่างรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านต่อไป  

ซาคารี อาบูซา เป็นอาจารย์ประจำที่เนชั่นแนล วอร์ คอลเลจ และอาจารย์พิเศษ ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในกรุงวอชิงตัน ความคิดเห็นที่แสดงไว้ในบทความนี้เป็นของผู้เขียนเอง และไม่ได้สะท้อนถึงจุดยืนของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เนชั่นแนล วอร์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ หรือ เบนาร์นิวส์

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง