ชีวิตปริ่มน้ำ ไร้เงารัฐยื่นมือช่วยเหลือ
2021.10.29
กรุงเทพฯ
เกือบหนึ่งเดือนเต็มที่ชุมชนมัสยิดท่าอิฐ จังหวัดนนทบุรี ต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วม ในทุก ๆ วัน จะมีช่วงเวลาที่น้ำขึ้นสูงและเข้าท่วมภายในชุมชน จนถึงเวลาน้ำลงจนแห้งไป เป็นอย่างนี้ทุกวัน แต่ไม่เคยมีหน่วยงานของรัฐเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหา ลำพังชาวบ้านในชุมชนก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้
“ทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้มันท่วมไป พอน้ำลดค่อยทำความสะอาดเอา เคยกั้นน้ำไม่ให้เข้ามา สุดท้ายน้ำขึ้นมาจากพื้น ดันกระเบื้องระเบิดขึ้นมาหมดเลย งานใหญ่อีก” เสียงจากเจ้าของบ้านหลังหนึ่ง ในชุมชนมัสยิดท่าอิฐ
ลานกว้างหน้ามัสยิดในปัจจุบัน กลายเป็นส่วนน้ำขนาดย่อม เด็ก ๆ ในชุมชนพากันออกมาเล่นน้ำ โดยมีผู้ใหญ่คอยเฝ้าดูแล บางคนใช้ช่วงเวลานี้ฝึกว่ายน้ำไปเลยก็มี พอมีเด็กมารวมตัวกันมากเข้า ก็จะมีร้านค้ามาขายของกิน มีคนเอาของกินมาแจก บรรยากาศจึงคึกคักไม่แพ้สวนน้ำของเอกชน
ไม่ต่างกันกับที่วัดไก่เตี้ย จังหวัดปทุมธานี น้ำเข้าท่วมบริเวณวัดเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว พระต้องนำวัว ควาย หมู และไก่ จำนวนหลายสิบตัวที่มีคนไถ่ชีวิตถวายไว้หนีน้ำ และนำเข้าไปเลี้ยงบริเวณรอบโบสถ์ เพราะเป็นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง เพราะเมื่อน้ำลดเป็นปกติก็ต้องเหนื่อยทำความสะอาดกันยกใหญ่
ขณะที่ตัวเมืองกรุงเทพชั้นในทั้งหมด มีเขื่อนกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ยังพบว่ามีบางแห่งเป็นพื้นที่ฟันหลอ ทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าท่วมเป็นประจำ เช่น ที่ศาลเจ้าโรงเกือก ตลาดน้อย เนื่องจากพื้นที่ศาลเจ้าอยู่ระดับต่ำกว่าพื้นที่ข้างนอกมาก และเป็นส่วนฟันหลอของเขื่อนกั้นน้ำ ทำให้เมื่อเวลาน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นสูงก็จะไหลเข้าท่วมตัวศาลเจ้า
ต่างกับที่โบสถ์ซางตาครู้ส ชุมชนกุฎีจีน ที่มีการจัดการตัวเองที่ดี ชุมชนร่วมทำคันกั้นน้ำอย่างแน่นหนาบริเวณท่าน้ำหน้าโบสถ์ เพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าไปในบริเวณโบสถ์และชุมชน ทำให้ตัวชุมชนรอดพ้นจากน้ำท่วมมาได้หลายปีแล้ว
การแก้ปัญหา ปรับตัว และอยู่รอดเป็นปกติให้ได้ภายใต้ปัญหาน้ำท่วม กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วสำหรับชาวบ้านในหลายชุมชน
อย่างไรก็ตาม หน้าที่การจัดการแก้ปัญหาไม่ให้น้ำท่วมติดต่อกันทุกปี ควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งไม่มีแม้กระทั่งการดำเนินการเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เราจึงเห็นบางชุมชนที่ประสบภาวะน้ำท่วมซ้ำซากในทุก ๆ ปี